คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแม้จะมีคำขอตามฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ตามแต่ประเด็นข้อพิพาทที่แท้จริงของคดีก็คือโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทส่วนคำขอที่ขอให้ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากประเด็นว่าสิทธิครอบครองเป็นของโจทก์หรือจำเลยจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งเมื่อคดีนี้เป็นคดีมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาสองแสนบาทจำเลยฎีกาโต้เถียงดุลพินิจให้การรับฟังพยานหลักฐานเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาได้จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า นาย ก๋อง ราชคม ได้ ยก ที่ดิน น.ส. 3 เลขที่ 397ให้ โจทก์ แต่ ยัง ไม่ ทัน ได้ จดทะเบียน โอน ให้ โจทก์ นาย ก๋อง ถึงแก่ความตาย ใน ปีเดียว กัน โจทก์ คง ครอบครอง ทำกิน ใน ที่ดิน ดังกล่าวโดย เปิดเผย ด้วย เจตนา เป็น เจ้าของ ตลอดมา กก ว่า 20 ปี โจทก์ ได้ ติดต่อกับ จำเลย ใน ฐานะ ทายาท ผู้จัดการมรดก ของ นาย ก๋อง ให้ จดทะเบียน โอนสิทธิ ครอบครอง ที่ดิน ดังกล่าว แก่ โจทก์ แต่ ตกลง กัน ไม่ได้ ขอให้มี คำสั่ง แสดง ว่า ที่ดิน ตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3)เลขที่ 397 เป็น ของ โจทก์ ให้ จำเลย ไป จดทะเบียน โอน ที่ดิน ดังกล่าวให้ โจทก์ ภายใน 7 วัน นับแต่ ศาล พิพากษา หาก จำเลย ไม่ไป ให้ ถือเอาคำพิพากษา ของ ศาล แทน การแสดง เจตนา ของ จำเลย
จำเลย ให้การ และ ฟ้องแย้ง ว่า นาย ก๋อง ไม่เคย ยก ที่ดินพิพาท ให้ โจทก์ หลังจาก นาย ก๋อง ถึงแก่ความตาย โจทก์ ได้ ลัก เอา หนังสือ รับรอง การ ทำประโยชน์ ที่พิพาท ไป จำเลย ทวงถาม ให้ โจทก์ คืน แล้วโจทก์ บ่ายเบี่ยง โดย เรียกเงิน 200,000 บาท โจทก์ ไม่เคย ครอบครองที่พิพาท จำเลย ครอบครอง ที่พิพาท ตลอดมา ขอให้ ยกฟ้อง ให้ โจทก์ คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ดังกล่าว ให้ จำเลย
โจทก์ ให้การ แก้ฟ้อง แย้ง ว่า จำเลย ไม่มี อำนาจฟ้อง แย้ง เพราะโจทก์ ได้ ครอบครอง ทำกิน โดย เปิดเผย ด้วย เจตนา เป็น เจ้าของ ตลอดมาโจทก์ จึง เป็น เจ้าของ ที่พิพาท ขอให้ ยกฟ้อง แย้ง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ และ จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษาแก้ เป็น ว่า โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิครอบครอง ที่ดิน ตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3)เลขที่ 397 ราย พิพาท นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิครอบครอง ที่ดินพิพาท จำเลย ให้การ ว่า จำเลย มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดินพิพาทแม้ จะ มี คำขอ ตาม ฟ้องแย้ง ขอให้ โจทก์ คืน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ ตาม แต่ ประเด็น ข้อพิพาท ที่ แท้จริง ของ คดี ก็ คือ โจทก์ หรือ จำเลยเป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ที่ดินพิพาท ส่วน คำขอ ที่ ขอให้ ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นั้น ก็ เป็น ผล ต่อเนื่อง มาจาก ประเด็น ว่าสิทธิ ครอบครอง เป็น ของ โจทก์ หรือ จำเลย จึง เป็น คดี ที่ มี คำขอ ให้ปลดเปลื้อง ทุกข์ อัน อาจ คำนวณ เป็น ราคา เงินได้ เป็น หลัก ตาม ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณา ความ แพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง บัญญัติ ว่า “ใน คดี ที่ราคา ทรัพย์สิน หรือ จำนวน ทุนทรัพย์ ที่พิพาท กัน ใน ชั้นฎีกา ไม่เกินสอง แสน บาท ห้าม มิให้ คู่ความ ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง เว้นแต่ ผู้พิพากษาที่ ได้ นั่งพิจารณา คดี นั้น ใน ศาลอุทธรณ์ ได้ มี ความเห็น แย้ง หรือผู้พิพากษา ที่ ได้ นั่งพิจารณา คดี ใน ศาลชั้นต้น ก็ ดี ศาลอุทธรณ์ ก็ ดีได้รับ รอง ไว้ หรือ รับรอง ใน เวลา ตรวจ ฎีกา ว่า มีเหตุ สมควร ที่ จะ ฎีกา ได้ “เมื่อ คดี นี้ เป็น คดี มี ราคา ที่ดินพิพาท กัน ใน ชั้นฎีกา สอง แสน บาทจำเลย ฎีกา ใน ดุลพินิจ การ รับฟัง พยานหลักฐาน โจทก์ และ จำเลย ว่าความจริง นาย ก๋อง ราชคม เจ้ามรดก ไม่ได้ ยก ที่ดินพิพาท ให้ โจทก์ เป็น การ ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง และ ไม่ เข้า ข้อยกเว้น ที่ จะ ฎีกา ได้ จึงต้องห้าม มิให้ ฎีกา ตาม กฎหมาย ดังกล่าว ศาลชั้นต้น รับ ฎีกา จำเลย มาโดย เสีย ค่าขึ้นศาล อย่าง คดี ไม่มี ทุนทรัพย์ เป็น การ ไม่ชอบศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย
พิพากษายก ฎีกา จำเลย

Share