แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ราษฎรในหมู่บ้านได้ทำถนนขึ้นเป็นถนนสาธารณะ เพื่อให้ราษฎรได้ใช้สัญจรไปมาแล้ว ถนนที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถ้าจำเลยเห็นว่าถนนดังกล่าวทำขึ้นในที่ดินของภรรยาจำเลย จำเลยย่อมจะต้องใช้สิทธิทางศาลฟ้องร้องผู้กระทำละเมิดต่อไป การที่จำเลยขุดทำลายถนนซึ่งประชาชนให้สัญจรไปมาได้แล้วโดยพลการเช่นนี้ เป็นการไม่ชอบ เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำลายถนนสายบ้านกระหาด บ้านขามซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้ และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ที่ดินที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาเป็นของภรรยาจำเลยถนนพิพาทสร้างขึ้นโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่พิพาทจำเลยมีสิทธิครอบครอง ถนนพิพาททำขึ้นโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลย เป็นการละเมิด จำเลยมีสิทธิขัดขวางผู้รบกวนสิทธิครอบครองของจำเลยได้ จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ถนนพิพาทนี้ราษฎรได้ช่วยกันสร้างขึ้นเป็นถนนสาธารณะ ต่อมาจำเลยและนางรินภรรยาได้ร่วมกันขุดถนนดังกล่าวเพื่อทำนา อ้างว่าเป็นที่ดินของภรรยาจำเลย มีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่
วินิจฉัยว่า พวกราษฎรในหมู่บ้านได้ทำถนนขึ้นเป็นถนนสาธารณะเพื่อให้ราษฎรได้ใช้สัญจรไปมาแล้ว ถนนที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้ และมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ถ้าจำเลยเห็นว่าถนนดังกล่าวทำขึ้นในที่ดินของภรรยาจำเลย จำเลยย่อมจะต้องให้สิทธิทางศาลฟ้องร้องผู้กระทำละเมิดต่อไป การที่จำเลยขถดทำลายถนนซึ่งประชาชนใช้สัญจรไปมาได้แล้วโดยพลการเช่นนี้เป็นการไม่ชอบ เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์
พิพากษายืน.