คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานเปิดเผยความลับซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้เมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายได้ตกลงยอมความกับจำเลยเป็นหนังสือไว้ในชั้นสอบสวน และในชั้นพิจารณาตัวผู้เสียหายเองก็เบิกความรับว่าได้ตกลงยอมความกับจำเลยจริง ดังนี้เป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) แล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีอาญามาฟ้องจึงเป็นอันระงับไปศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับจดหมายที่นายวัฒนา ภาวะไพบูลย์ ส่งมาให้นายศรยุทธ สุวรรณจำปา แล้วจำเลยได้เปิดผนึกซองจดหมายซึ่งเป็นของผู้อื่นออก โดยเจตนาล่วงรู้ข้อความภายในจดหมายนั้นอันเป็นความลับ แล้วจำเลยได้นำข้อความในจดหมายนั้นออกเปิดเผย โดยจำเลยไม่มีอำนาจกระทำได้ทำให้นายศรยุทธ สุวรรณจำปา กับนายวัฒนา ภาวะไพบูลย์ ได้รับความเสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 322

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 322 จำคุก 1 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่าความผิดตามโจทก์ฟ้องเป็นความผิดอันยอมความได้ ตัวผู้เสียหายเองก็เบิกความรับว่าได้ตกลงยอมความกับจำเลยจริงตามเอกสารหมาย ล.1 มีข้อความสำคัญปรากฏชัดว่า “ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงถอนเรื่องนี้ ไม่ติดใจให้ดำเนินการสอบสวนต่อไปอีก และรับรองว่าจะอยู่ร่วมกันต่อไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ และยึดมั่นในความสามัคคี จึงบันทึกไว้เป็นสำคัญ” แล้วลงชื่อผู้เสียหาย ข้อความดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)แล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีอาญามาฟ้องจึงเป็นอันระงับไปตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไปนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share