คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยรับเงินค่าซื้อหุ้นไว้จากสามีโจทก์ เป็นการรับไว้โดยมีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ กรณีจึงไม่เป็นเรื่องลาภมิควรได้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืน เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์คืน ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องอยู่ในบังคับแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี
ข้อที่จำเลยให้การไว้ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อต่อสู้นั้นแล้ว จึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงขายหุ้นของบริษัทอิทธิชัย จำกัด ให้แก่สามีโจทก์สามีโจทก์ได้ชำระเงินค่าหุ้นให้จำเลยแล้วแต่จำเลยไม่จัดการโอนหุ้นให้สามีโจทก์ต่อมาสามีโจทก์ถึงแก่กรรม โจทก์เป็นผู้จัดการมรดก ไม่ประสงค์จะซื้อหุ้นดังกล่าวอีกทั้งการซื้อขายหุ้นมิได้ระบุเลขที่หุ้นของจำนวนหุ้นที่ซื้อขาย ไม่มีพยานลงลายมือชื่อในหลักฐานการซื้อหุ้น จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ได้บอกเลิกการซื้อหุ้นแก่จำเลยแล้วขอให้จำเลยคืนเงินค่าซื้อหุ้นแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยรับเงินค่าซื้อหุ้นไว้ในฐานะตัวแทนของบริษัทอิทธิชัยจำกัด ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว จำเลยพร้อมที่จะโอนหุ้นที่ซื้อขายให้โจทก์ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์มิได้ฟ้องภายใน 1 ปีคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 นั้นพิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องสัญญาซื้อขายหุ้นกัน โดยจำเลยเป็นผู้ขาย การที่จำเลยรับเงินค่าซื้อหุ้นไว้จากสามีโจทก์เป็นการรับไว้โดยมีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ กรณีจึงไม่เป็นเรื่องลาภมิควรได้อย่างที่จำเลยต่อสู้และฎีกาขึ้นมา แต่เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์คืนซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี

ที่จำเลยฎีกาว่า เอกสารหมาย จ.8 ที่โจทก์อ้างมิได้ปิดอากรแสตมป์ต้องห้ามมิให้ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่ง ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 นั้นเห็นว่า บัญชีอัตราอากรแสตมป์ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 206 ลงงวันที่ 15 กันยายน 2515 ข้อ 19 มิได้กำหนดให้ใบรับเงินค่าซื้อหุ้นบริษัทต้องปิดอากรแสตมป์ ฉะนั้นจึงใช้เอกสารหมาย จ.8เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ศาลไม่ควรพิพากษาให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ควรให้โจทก์รับหุ้นไปจากจำเลย เพราะจำเลยได้ให้การไว้แล้วว่า จำเลยไม่ข้ดข้องที่จะแบ่งหุ้นให้โจทก์นั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะให้การดังกล่าวแต่เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานไม่ได้กำหนดปัญหานี้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้และจำเลยมิได้คัดค้าน ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว จึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share