คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนำข้อความไปลงในหนังสือพิมพ์รายวันว่า “ประกาศจับ ส.(โจทก์)ในข้อหาหรือฐานความผิดยักยอกทรัพย์ ผู้ใดพบเห็นหรือชี้แนะได้ให้นำส่งสถานีตำรวจ ช. (ผู้เสียหาย)” และลงรูปโจทก์ไว้ข้างข้อความดังกล่าว โดยปรากฏว่าขณะจำเลยนำข้อความตามฟ้องและรูปโจทก์ไปลงโฆษณานั้น จำเลยก็ทราบว่าโจทก์รับราชการมีที่อยู่ที่แน่นอน ซึ่งจำเลยอาจนำเจ้าพนักงานไปจับกุมโจทก์ตามหมายจับได้โดยง่าย ไม่มีความจำเป็นต้องลงโฆษณาประกาศจับทางหนังสือพิมพ์และข้อความที่ลงโฆษณาย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง เรื่องที่จำเลยลงโฆษณาก็เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน แม้พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับโจทก์จริง การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใส่ความโจทก์ต่อบุคคลทั่วไปโดยนำข้อความว่า”ประกาศจับนายสมศักดิ์ จารุคม (อี๊ด) ในข้อหาหรือฐานความผิดยักยอกทรัพย์ผู้ใดพบเห็นหรือชี้แนะได้ให้นำส่งสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ สมุทรปราการ นายชนินทร์ ธีรสุขประเสริฐ (ผู้เสียหาย) ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันเดลิไทม์กับหนังสือพิมพ์รายวันชาวไทย และลงรูปโจทก์ไว้ข้างข้อความดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามหรือบุคคลทั่วไป โดยโฆษณาด้วยเอกสารในประการที่น่าจะทำให้บุคคลผู้พบเห็นเชื่อว่าโจทก์เป็นผู้ร้ายและได้ยักยอกทรัพย์ของผู้อื่นมาจริง จึงหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงาน มิฉะนั้นคงไม่ประกาศจับทางหน้าหนังสือพิมพ์ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐, ๙๑, ๓๒๖, ๓๒๘ และ ๓๓๒(๒) และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดในหนังสือพิมพ์รายวัน
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ จำคุก ๓ เดือน ปรับ ๔,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่า ๒ ฉบับ มีกำหนด ๗ วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่าย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ประกาศจับโจทก์ในหน้าหนังสือพิมพ์ตรงกับที่พนักงานตำรวจออกหมายจับไว้ ข้อความที่โฆษณาในหนังสือพิมพ์จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้นำข้อความตามฟ้องและรูปโจทก์ไปลงโฆษณาจริง ส่วนในปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าขณะจำเลยนำข้อความตามฟ้องและรูปโจทก์ไปลงโฆษณานั้น จำเลยก็ทราบแล้วว่าโจทก์รับราชการที่สถาบันราชประชาสมาสัยอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจำเลยอาจนำเจ้าพนักงานไปจับกุมโจทก์ตามหมายจับได้โดยง่ายไม่มีความจำเป็นต้องลงโฆษณาประกาศจับทางหนังสือพิมพ์ และข้อความที่ลงโฆษณาย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง เรื่องที่จำเลยลงโฆษณาก็เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัวไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน แม้พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับโจทก์จริงการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นในเรื่องการปรับบทและกำหนดโทษจำเลย ส่วนเรื่องการโฆษณาคำพิพากษานั้น เห็นควรกำหนดเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่รูปคดี
พิพากษากลับว่าให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เว้นแต่การโฆษณาคำพิพากษาให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษานี้ทั้งหมดในหนังสือพิมพ์รายวัน ๒ ฉบับ ฉบับละ ๓ ครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา ทั้งนี้ ให้จำเลยปฏิบัติภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันอ่านคำพิพากษานี้ให้จำเลยฟัง เว้นแต่ศาลชั้นต้นจะเห็นสมควรขยายระยะเวลาให้ตามความจำเป็น

Share