แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยในฐานะผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีได้ให้คำแนะนำแก่ทนายโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 156/2523 ในระหว่างไกล่เกลี่ยให้คู่ความประนีประนอมยอมความกันว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีซึ่งจำเลยในคดีดังกล่าวยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วน จะแก้ไขโดยขอนำไปให้สรรพากรปรับก็ใช้ได้นั้น เป็นการกล่าวถึงบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรและวิธีปฎิบัติในการเสียภาษีอากร และประสงค์ให้โจทก์เข้าใจด้วย เพื่อจะได้ลดข้อโต้เถียงในข้อนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การที่จำเลยมีความเห็นว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 156/2523 ให้ต่อสู้คดีแทน ได้ลงชื่อเป็นผู้เรียงคำให้การจำเลยโดยโจทก์มิได้จดทะเบียนทนายความ เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติทนายความจึงให้โจทก์รออยู่ในห้องผู้พิพากษาเพื่อให้ตำรวจมาควบคุมตัวโจทก์ไปดำเนินคดี หากไม่รอจำเลยจะลงโทษโจทก์ฐานละเมิดอำนาจศาลนั้น เป็นการกล่าวอ้างตามอำนาจที่จำเลยมีอยู่ตามกฎหมาย ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309,310
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่น มีหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดี ในวันชี้สองสถานดคีแพ่งหมายเลขแดงที่ 156/2523 จำเลยได้ให้คำแนะนำแก่ทนายโจทก์ในคดีดังกล่าว หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีปิดอากรแสตมป์ไม่ครบนั้นแก้ไขได้โดยนำไปให้สรรพากรปรับ อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหลังจากที่คู่ความได้ประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมในวันนั้นเรียบร้อยแล้ว จำเลยได้พูดจาข่มขู่หน่วงเหนี่ยวกักตัวโจทก์ไว้ ไม่ยอมให้โจทก์ออกไปจากห้องผู้พิพากษา โดยจำเลยแจ้งแก่โจทก์ว่า โจทก์มิได้จดทะเบียนทนายความแต่ลงชื่อเป็นผู้เรียงคำให้การจำเลย มีความผิดตามพระราชบัญญัติทนายความ บังคับให้โจทก์อยู่เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมโจทก์ไปดำเนินคดี หากไม่รอ จำเลยจะลงโทษโจทก์ฐานะละเมิดอำนาจศาล โดยจำเลยไม่มีอำนาจจะทำได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 309, 310, 90
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยให้คำแนะนำแก่ทนายโจทก์ (ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 156/2523 ของศาลจังหวัดขอนแก่น)ว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ซึ่งจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ว่าปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนตามประมวลรัษฎากร จะแก้ไขโดยขอนำไปให้สรรพากรปรับก็ใช้ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น เป็นกรณีเกิดขึ้นจากการไกล่เกลี่ยของจำเลยในฐานะผู้พิพากษาหรือศาลผู้พิจารณาคดี ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 19 และมาตรา 20มุ่งหมายที่จะให้ศาลมีอำนาจพยายามเปรียบเทียบให้คู่ความได้ตกลงหรือประนีประนอมยอมความกันในข้อที่พิพาท ดังนี้ จำเลยจึงชอบที่จะพยายามขจัดข้อโต้เถียงระหว่างคู่ความให้ลดน้อยลงเพื่อไปสู่การตกลงกันด้วยดี การที่จำเลยกล่าวข้อความดังฟ้องโจทก์เป็นการกล่าวถึงบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรและวิธีปฏิบัติในการเสียภาษีอากรและประสงค์ให้โจทก์เข้าใจด้วยเพื่อจะได้ลดข้อโต้เถียงในข้อนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ อันถือว่าเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ส่วนข้อที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยขู่ให้โจทก์รออยู่ในห้องทำงานของผู้พิพากษาเพื่อให้ตำรวจมาควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติทนายความหากไม่รออยู่ จะลงโทษโจทก์ฐานละเมิดอำนาจศาล อันถือว่าเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 มาตรา 310นั้น เป็นกรณีที่จำเลยเพียงมีความเห็นว่า โจทก์กระทำผิดตามพระราชบัญญัติทนายความ จึงบอกให้โจทก์รออยู่ เพื่อให้ตำรวจมานำตัวไปดำเนินคดีเท่านั้นส่วนการที่จำเลยกล่าวว่า ถ้าหากโจทก์ไม่รออยู่จะลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลก็เป็นการกล่าวอ้างตามอำนาจที่จำเลยมีอยู่ตามกฎหมาย ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 และมาตรา 310
พิพากษายืน