แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รับฝากทรัพย์เขาไว้เมื่อเจ้าของทวงถามกลับปฏิเสธ มีผิดฐานยักยอก ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมแลขาดอายุความหรือไม่ เปนปัญหาข้อกฎหมาย การนับกำหนดอายุความในคดียักยอกต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่เจ้าทุกข์รู้ความทุจจริตของจำเลย
ย่อยาว
ได้ความว่าเมื่อข้างแรมเดือน ๑๐ พ.ศ.๒๔๖๖ จนถึงข้างขึ้นเดือน ๑๑ พ.ศ.๒๔๖๘ โจทก์ได้ฝากเงินจำเลยไว้รวม ๓ คราวเปนเงิน ๘๐๐ บาท โจทก์ได้มาเอาคืนไปจากจำเลยแล้ว ๑๐๐ บาท แลให้จำเลยหักค่าเสาเสีย ๘๐ บาท เงินคงเหลืออยู่ที่จำเลย ๖๒๐ บาท เมื่อข้างแรมเดือน ๓ พ.ศ.๒๔๗๐ โจทก์มาขอรับเงินที่จำเลย ๆ ปฏิเสธไม่ยอมคืนให้ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๑ (ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๖) จำเลยคัดค้านว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมแลขาดอายุความแล้ว
ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า จำเลยมีผิดตาม ม.๓๑๔ ให้จำคุก ๖ เดือน แลให้ใช้เงิน ๖๒๐ บาทแก่โจทก์ ถ้าไม่ใช้ให้จัดการตาม ม.๑๘ แต่โทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้ตาม ม.๔๑-๔๒
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์มีเดือนปีที่ฝากทรัพย์ไว้กับจำเลยชัดเจนแล้ว แลจำเลยก็มิได้หลงข้อต่อสู้ ไม่เปนฟ้องเคลือบคลุม ส่วนการนับกำหนดอายุความนั้น ถ้าจะนับตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๓ พ.ศ. ๒๔๗๐ เปนวันที่โจทก์ทราบความทุจจริตของจำเลย จนถึงวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๑ (ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๖) คดีของโจทก์ก้ยังไม่ขาดอายุความ จึงตัดสินยืนตามศาลล่าง