แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยด่าบุตรโจทก์อันมีความหมายทำนองว่า โจทก์และบุพการีเป็นคนสำส่อน มีบุตรกับชายอื่นซึ่งมิใช่สามีของตนนั้น เป็นความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงและตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับการค้าขายของโจทก์ โจทก์จะอ้างว่าประชาชนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์และเรียกค่าเสียหาย เนื่องจากรายได้จากการค้าขายของโจทก์ตกต่ำลงหลังเกิดเหตุหาได้ไม่เพราะเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุมาก
ในเรื่องค่าเสียหาย โจทก์เป็นฝ่ายที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นว่าตนได้เสียหายจริงตามจำนวนที่ฟ้องเรียกร้องจากจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยด่าเด็กหญิงดวงจันทร์บุตรโจทก์ว่า “มึงนั่นแหละลูกอีเหล่าท้องป่า” ต่อหน้าประชาชน ซึ่งมีความหมายว่าเหล่าตระกูลของบุตรโจทก์ตั้งครรภ์กับชายอื่นมิใช่กับสามี เป็นการใส่ความโจทก์และบุพการี ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โจทก์เคยค้าขายถัวเฉลี่ยเดือนละประมาณ 2 หมื่นบาท บัดนี้ขายได้เพียงเดือนละไม่เกิน 1 พันบาท โจทก์เสียหาย 8 หมื่นบาทขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนนี้
จำเลยต่อสู้หลายประการและว่า ความเสียหายที่โจทก์อ้างไม่เกี่ยวเนื่องกับฐานะอย่างโจทก์และท้องถิ่นที่ตั้งร้านค้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 200 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยด่าเด็กหญิงดวงจันทร์บุตรโจทก์อันมีความหมายทำนองว่าโจทก์และบุพการีของโจทก์เป็นคนสำส่อน มีบุตรกับชายอื่นซึ่งมิใช่สามีของตนนั้นเป็นความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงและตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับการค้าขายของโจทก์ ที่โจทก์นำสืบว่ารายได้จากการค้าขายของโจทก์ตกต่ำลงหลังจากเกิดเหตุเรื่องนี้เพราะประชาชนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น ไม่น่าเชื่อ และเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุมากเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 200 บาท จำเลยไม่อุทธรณ์ นับว่าเป็นผลดีแก่โจทก์อยู่แล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่าตามหลักแห่งคดีแพ่ง เมื่อจำเลยไม่สืบให้ได้ว่า โจทก์เสียหายเท่าใด ศาลต้องให้ตามที่โจทก์เรียกร้องมานั้นเป็นเรื่องโจทก์เข้าใจผิด เพราะในเรื่องค่าเสียหาย โจทก์เป็นฝ่ายที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นว่าตนได้เสียหายจริงตามจำนวนที่ฟ้องมา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน