คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยโอนบ้านและสิทธิการเช่าที่ดินตามสัญญาจำเลยให้การต่อสู้และฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระหนี้ที่ต้องรับผิดต่อคนภายนอกกึ่งหนึ่งตามที่สัญญาว่าโจทก์จะชำระหนี้ตอบแทนการโอนบ้านและสิทธิการเช่าดังนี้ เป็นคนละเรื่องกันกับฟ้องเดิมศาลไม่รับฟ้องแย้ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทำนิติกรรมโอนบ้านและสิทธิการเช่าที่ดินกับเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระหนี้ที่ค้างชำระคนภายนอกกึ่งหนึ่งที่โจทก์ทำสัญญาชำระตอบแทนการโอน ศาลชั้นต้นรับคำให้การแต่ไม่รับฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์บ้านตามฟ้องและโอนสิทธิการเช่าที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้แต่จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระหนี้เงินและดอกเบี้ยที่จำเลยทำสัญญาผูกพันไว้กับบุคคลภายนอกให้จำเลยกึ่งหนึ่งโดยอ้างว่าโจทก์ตกลงยอมรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวไว้กึ่งหนึ่งเพื่อตอบแทนที่จำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์บ้านและโอนสิทธิการเช่าที่ดินให้โจทก์ ฟ้องเดิมของโจทก์กับฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคนละเรื่องกัน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก ที่จำเลยฎีกาว่าหนี้ตามฟ้องแย้งเป็นหนี้ร่วมและกฎหมายว่าด้วยครอบครัวบัญญัติไว้ให้สามีและภริยารับผิดร่วมกัน ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องฟ้องเป็นคดีต่างหากหลังจากที่จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่เจ้าหนี้แล้ว ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์”

พิพากษายืน

Share