แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่ง เป็นลูกจ้างกระทำละเมิดในทางการที่จ้างเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์และของบุคคลอื่นเสียหาย สำหรับค่าเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โจทก์อาจเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ได้ นับแต่วันเกิดเหตุซึ่ง เป็นวันที่ก่อให้เกิดความเสียหายอันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ อายุความจึงนับเริ่มตั้งแต่ นั้น มิใช่นับเริ่มแต่ วันที่โจทก์ใช้ ค่าซ่อมรถของโจทก์ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะได้ ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ยอมรับสภาพตาม สิทธิเรียกร้องนั้นอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง นับแต่วันทำหนังสือรับสภาพหนี้จนถึง วันฟ้องก็เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี แล้ว ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงขาดอายุความ ส่วนเงินที่โจทก์ใช้ ให้แก่บริษัทประกันภัยเป็นค่าเสียหายจากการที่จำเลยขับรถชนรถที่บริษัทดังกล่าวรับประกันภัยเสียหาย ซึ่ง โจทก์ผู้เป็นนายจ้างต้อง ร่วมรับผิดกับจำเลยผู้เป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยได้ กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นโจทก์ชอบที่จะได้ รับชดใช้จากจำเลยเมื่อโจทก์ได้ใช้ เงินให้แก่บริษัทดังกล่าวไป ดังนั้นอายุความในกรณีนี้ จึงต้อง เริ่มนับแต่วันที่โจทก์ได้ใช้ เงินค่าเสียหายให้แก่บริษัทประกันภัยอันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ เมื่อโจทก์ฟ้องยังไม่พ้นกำหนด10 ปี ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขาดอายุความ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ในตำแหน่งพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง เขตการเดินรถที่ 6 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2531เวลาประมาณ 23 นาฬิกา จำเลยได้ขับรถโดยสารประจำทางของโจทก์สาย 42 (วนซ้าย) คันหมายเลขทะเบียน 1จ-9622 กรุงเทพมหานคร ไปในทางการที่จ้างด้วยความเร็วสูงพุ่งชนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนช.บ.43324 ด้วยความประมาท ทำให้รถยนต์คันดังกล่าวและรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยยอมรับว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิด โจทก์ในฐานะนายจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายแทนจำเลยเป็นค่าซ่อมแซมรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ช.บ.43324 ให้แก่บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัดซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันนี้ เป็นเงิน 26,500 บาท กับค่าซ่อมรถยนต์ของโจทก์เป็นเงิน 24,500 บาท ที่จ่ายให้แก่บริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด รวมเป็นเงิน 51,000 บาท โดยจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์มีคำสั่งเลิกจ้างจำเลย และได้หักค่าจ้าง 1,300 บาท คงเหลือหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์อีก 49,700 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระขอให้พิพากษาบังคับจำเลยชำระเงิน 49,700 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืน โจทก์จำเลยไม่ได้พิพาทกันเรื่องแรงงาน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางเหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2521 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลากว่า 11 ปี ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่ได้ขับรถโดยประมาทเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยค่าซ่อมแซมรถโจทก์ไม่เกิน3,000 บาท ค่าซ่อมแซมรถคู่กรณีไม่เกิน 5,000 บาท ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์เมื่อใด เกิดเหตุรถชนกันอย่างไร เป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางครั้งถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่าจำเลยได้ขับรถและเกิดเหตุการณ์ตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้โดยยอมรับผิดใช้เงิน 51,155 บาท เมื่อวันที่28 มิถุนายน 2521 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งค่าเสียหายจำนวนนี้ได้ลดลงเหลือ 51,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.2 โจทก์ได้ชำระเงินค่าเสียหาย จำนวนนี้แทนจำเลยไปแล้วครบถ้วน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม2523 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.3 โจทก์ได้หักเงินค่าจ้างจากจำเลยไปแล้วเป็นเงิน 1,300 บาท คงเหลือค่าเสียหายอีกเพียง 49,700 บาทตามฟ้อง จำเลยยอมรับว่า เอกสารหมาย จ.4 ถูกต้องและจำเลยขอสละประเด็นที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือคลุมหรือไม่ ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.1 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2521ยินยอมชดใช้เงินจำนวน 51,155 ให้แก่โจทก์เนื่องจากจำเลยกระทำให้เกิดความเสียหายตามฟ้องเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2521 ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 กำหนดให้โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องจากการที่จำเลยได้ทำสัญญาไว้เช่นกรณีนี้ภายในกำหนดอายุความ 10 ปี โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2533เป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า กำหนดอายุความตามกฎหมายนั้น ให้นับเริ่มแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไปคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ กระทำละเมิดในทางการที่จ้างเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์และของบุคคลอื่นเสียหายซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายจากจำเลย และโจทก์ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยใช้ค่าเสียหายที่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นแก่เจ้าของ สำหรับเงินค่าซ่อมรถของโจทก์ที่เสียหายเนื่องจากการกระทำละเมิดของจำเลยจำนวน 24,500 บาท ซึ่งโจทก์ใช้ให้แก่บริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด ผู้รับจ้างซ่อมที่ขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์นั้น ถือได้ว่า เป็นค่าเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์อาจเรียกร้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ได้นับแต่วันเกิดเหตุคือวันที่ 26พฤษภาคม 2521 ซึ่งเป็นวันที่ก่อให้เกิดความเสียหายอันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ อายุความจึงนับเริ่มตั้งแต่นั้น มิใช่นับเริ่มแต่วันที่โจทก์ใช้ค่าซ่อมรถของโจทก์ที่เสียหายให้บริษัทผู้รับจ้างซ่อม แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น อันเป็นเหตุให้อายุความสดุดหยุดลงแต่นับแต่วันทำหนังสือรับสภาพหนี้ คือวันที่ 28 มิถุนายน2521 ถึงวันฟ้องก็เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยใช้เงินส่วนนี้จึงขาดอายุความ ส่วนเงินจำนวน 26,500 บาท ที่โจทก์ใช้ให้แก่บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด เป็นค่าเสียหายจากการที่จำเลยขับรถชนรถที่บริษัทดังกล่าวรับประกันภัยเสียหาย ซึ่งโจทก์ขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ให้โจทก์นั้น เห็นว่า โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยได้กระทำไปในทางการที่จ้าง เมื่อโจทก์ได้ใช้เงินจำนวน 26,500 บาทซึ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัดผู้มีสิทธิได้รับเงินจำนวนนี้ไปแล้ว โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยได้เมื่อโจทก์ได้ใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้แก่บริษัทดังกล่าวไป ดังนั้นอายุความในกรณีนี้ จึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ 17เมษายน 2523 ซึ่งเป็นวันที่ดจทก์ได้ใช้เงินค่าเสียหายให้แก่บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด อันเป็นขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้โจทก์ฟ้องจำเลยวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2533 จึงยังไม่พ้นกำหนด 10 ปีฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยใช้เงินส่วนนี้จึงไม่ขาดอายุความ แต่โจทก์ได้หักค่าจ้างจำเลยชดใช้ไปแล้วเป็นเงิน 1,300 บาท โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ให้อีกเป็นเงิน 25,200 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 25,200บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.