แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มิใช่เป็นการซื้อขายหุ้นตามปกติแต่เป็นการซื้อขายในกรณีพิเศษซึ่งมีวัตถุประสงค์ทำการค้าเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่ขึ้นลงในตลาดหลักทรัพย์มากกว่าประสงค์ที่จะให้มีการโอนใบหุ้นใส่ชื่อผู้ซื้อเป็นเจ้าของที่แท้จริงจึงไม่จำต้องปฏิบัติตามแบบที่กำหนดไว้ในป.พ.พ.มาตรา1129วรรคสอง โจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ให้จำเลยได้ซื้อหุ้นบริษัทร. และหุ้นธนาคารก. ให้ตามคำสั่งของจำเลยแล้วกลับนำหุ้นที่ซื้อตอนหลังในราคาที่ต่ำกว่ามาโอนให้จำเลยแต่ใบหุ้นที่โอนให้นั้นก็เป็นหุ้นบริษัทร. และหุ้นธนาคารก.ในจำนวนเท่ากันกับที่จำเลยสั่งซื้อใบหุ้นดังกล่าวกับใบหุ้นที่โจทก์ซื้อตามคำสั่งของจำเลยคงแตกต่างกันเฉพาะราคาซื้อขายเท่านั้นซึ่งในตลาดหลักทรัพย์ราคาหุ้นย่อมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเมื่อจำเลยไม่นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นก็ต้องถือว่าหุ้นบริษัทเดียวกันจำนวนเท่ากันมีมูลค่าให้ผลประโยชน์ตอบแทนอย่างเดียวกันตามปกติและเป็นทรัพย์ที่มีสภาพเช่นเดียวกับสังกมะทรัพย์ตามป.พ.พ.มาตรา102ด้วยใบหุ้นที่โจทก์จะโอนให้จำเลยหาจำเป็นจะต้องเป็นใบหุ้นฉบับเดียวกับที่ซื้อไว้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาแต่งตั้งให้โจทก์เป็นนายหน้าและตัวแทนเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ และรับเงินรับโอนหลักทรัพย์ทุกชนิดทุกประเภทแทนจำเลย จำเลยได้สั่งให้โจทก์ทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายครั้ง ซึ่งโจทก์ก็จัดการให้เรียบร้อยแต่เฉพาะที่เป็นหนี้สินและเกิดเป็นข้อพิพาทมีเพียงการสั่งซื้อหุ้นบริษัทรามาทาวเวอร์ จำกัด และการสั่งซื้อหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด รวมเป็นหนี้สินจากการซื้อหุ้น 667,320 บาท ต่อมาปรากฏว่าราคาหุ้นดังกล่าว รวมทั้งเงินที่จำเลยมอบให้ไว้เป็นหลักประกันมีจำนวนน้อยกว่าหนี้ของจำเลยที่ค้างชำระ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยจัดการแก้ไขและหาหลักทรัพย์มาเพิ่มเติมหลายครั้ง จำเลยก็เพิกเฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยภายใน 10 วัน มิฉะนั้นจะบังคับจำนำแก่หลักทรัพย์ จำเลยทราบแล้วแต่ไม่ยอมชำระหนี้ โจทก์จึงนำหุ้นทั้งหมดของจำเลยออกขายทอดตลาดเมื่อหักกับหนี้ที่จำเลยค้างชำระแล้ว จำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่192,677.60 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2523ถึงวันฟ้อง และค่าเสียหายเท่ากับดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันนี้ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า การซื้อขายหุ้นโจทก์ไม่ปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายและนโยบายของทางราชการ ทั้งไม่ได้ทำการซื้อหุ้นตามประเภทจำนวนและราคาในวันเวลาตามที่กล่าวมาในฟ้องทั้งหมด เพราะไม่มีการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง ไม่มีเอกสารใบส่งมอบหลักทรัพย์กับรายละเอียดเกี่ยวกับใบหุ้น จำเลยไม่เคยได้รับโอนใบหุ้นจากผู้ขายตามกฎหมาย จึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์ โจทก์ขายหุ้นที่ซื้อให้จำเลยหมดไปแล้ว แต่มิได้นำเงินที่ได้รับมาหักถอนบัญชี กลับแสวงหาประโยชน์ไว้เป็นส่วนตัว แล้วนำหุ้นที่โจทก์ซื้อเองในราคาถูกมาแทนให้ การกระทำของโจทก์ไม่ชอบด้วยระเบียบแบบแผนข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ เป็นการพนันขันต่อ ไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง พิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 192,677.60 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2523 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 2,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,000บาทแทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและจำเลยได้แต่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนนายหน้าเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ทำการซื้อขายหลักทรัพย์แทน รวมทั้งให้รับเงิน จ่ายเงิน และรับโอนหุ้นมายึดถือไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ แล้วนำออกขายได้เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เมื่อมีการสั่งซื้อหุ้นโจทก์จะซื้อให้ในตลาดหลักทรัพย์ และรับโอนมาในลักษณะโอนลอยซึ่งจำเลยก็ทราบและเคยได้กำไรจากการขายหุ้นที่รับโอนในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว โจทก์ได้ซื้อหุ้นบริษัทรามาทาวเวอร์ จำกัด ให้จำเลย2 ครั้ง ต่อมาโจทก์ได้ซื้อหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ให้จำเลย2 ครั้ง ซึ่งโจทก์คิดค่านายหน้าทุกครั้ง และมีราคารวมกันเป็นเงิน667,320 บาท ส่วนหุ้นโจทก์รับโอนไว้ในลักษณะโอนลอยทั้งหมด และได้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ที่จำเลยติดค้างอยู่ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.4 แต่โจทก์นำหุ้นของบริษัทและธนาคารเดียวกันที่ซื้อตอนหลังในราคาที่ต่ำกว่ามาโอนใส่ชื่อจำเลย และมีการนำหุ้นดังกล่าวออกขายด้วย ปัญหาข้อแรกที่จำเลยฎีกาว่า การซื้อหุ้นพิพาทเป็นโมฆะเพราะเป็นการซื้อขายหุ้นชนิดระบุชื่อ และทำไม่ถูกต้องตามแบบการโอนหุ้นซึ่งบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสองนั้น เห็นว่า “การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ มิใช่เป็นการซื้อขายหุ้นตามปกติ แต่เป็นการซื้อขายในกรณีพิเศษ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ทำการค้าเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่ขึ้นลงในตลาดหลักทรัพย์มากกว่าประสงค์ที่จะให้มีการโอนใบหุ้นใส่ชื่อผู้ซื้อเป็นเจ้าของที่แท้จริง จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามแบบที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1129 วรรคสอง และจำเลยเองก็สั่งขายเอากำไรจากหุ้นที่โจทก์รับโอนลอยไว้แทนจำเลยมาแล้วหลายครั้งมีหลักฐานตามเอกสารหมาย จ.25 กับ จ.28ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาข้อต่อไปที่จำเลยฎีกาว่า หุ้นที่โจทก์โอนให้จำเลยไม่ใช่หุ้นฉบับที่โจทก์ซื้อตามคำสั่งของจำเลย แต่เป็นหุ้นที่โจทก์ซื้อตอนหลังในราคาที่ต่ำกว่า จึงไม่ชอบและต้องถือว่าโจทก์ซื้อหุ้นให้จำเลยตามราคาหุ้นที่จำเลยรับโอน ต่อมาโจทก์ได้นำหุ้นดังกล่าวออกขายไปอีกโดยพลการ ซึ่งไม่ชอบเช่นกัน และจะต้องนำเงินที่ขายได้มาคิดหักกลบลบหนี้ให้จำเลยด้วยนั้น แม้โจทก์จะซื้อหุ้นพิพาทให้จำเลยตามคำสั่งและมีหลักฐานการซื้อขายตามเอกสารหมาย จ.6 ถึง จ.16 แล้วนำหุ้นที่ซื้อตอนหลังในราคาที่ต่ำกว่ามาโอนให้จำเลยโดยมีหลักฐานตามเอกสารหมาย ล.10 ล.13 และ ล.17 ถึง ล.26 จริงแต่ใบหุ้นที่โอนให้จำเลยก็เป็นหุ้นบริษัทรามาทาวเวอร์ จำกัด 1,000 หุ้น กับหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด 1,000 หุ้น ตรงตามที่จำเลยสั่งซื้อแล้ว ใบหุ้นดังกล่าวกับใบหุ้นที่โจทก์ซื้อตามคำสั่งของจำเลยคงแตกต่างกันเฉพาะราคาซื้อขายเท่านั้น ซึ่งในตลาดหลักทรัพย์ราคาหุ้นก็เปลี่ยนแปลงในทางเพิ่มสูงขึ้น หรือลดต่ำลงอยู่ตลอดเวลา แล้วแต่ความต้องการของผู้ซื้อจะมีมากหรือน้อย เมื่อจำเลยไม่นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นก็ต้องถือว่า หุ้นบริษัทเดียวกันจำนวนเท่ากันมีมูลค่าให้ผลประโยชน์ตอบแทนอย่างเดียวกันตามปกติ และเป็นทรัพย์ที่มีสภาพเช่นเดียวกับสังกมะทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 102 ด้วยใบหุ้นที่โจทก์จะโอนให้จำเลย หาจำเป็นจะต้องเป็นใบหุ้นฉบับเดียวกับที่ซื้อไว้ไม่ โจทก์โอนใบหุ้นของบริษัทเดียวกันในจำนวนเท่ากันให้แก่จำเลย จึงทำได้โดยชอบและต้องถือว่าโจทก์ได้ซื้อหุ้นดังกล่าวให้แก่จำเลยตามราคาที่ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ และคิดเอาค่านายหน้าได้ตามข้อตกลงในสัญญาเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 2.3 จะคิดตามราคาหุ้นที่จำเลยรับโอนหาได้ไม่…
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,000 บาท แทนโจทก์.”