แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยครอบครองเรือยนต์ของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายมอบหมายให้จำเลยนำไปทำการดูดแร่ในทะเล แล้วจำเลยเบียดบังเอาเรีอยนต์นั้นเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ดังนี้ ข้อกล่าวหาที่ว่าจำเลยเบียดบังนั้น โจทก์มิได้ระบุกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยกระทำการอย่างไรที่พอจะถือได้ว่าจำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต เมื่อโจทก์ไม่บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1057/2514)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๐๒ จำเลยครอบครองเรือยนต์ของนางเหรียญทอง โดยนางเหรียญทองมอบหมายให้จำเลยนำเรือยนต์ดังกล่าวไปทำการดูดแร่ในทะเล แล้วให้จำเลยนำเรือยนต์ส่งคืนภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๐ จำเลยบังอาจเบียดบังเอาเรือยนต์ของนางเหรียญทองไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย วินิจฉัยว่าฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา๑๕๘ (๕) ฟ้องจะจ้องระบุการกระทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ฯลฯ มาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความสำคัญว่า จำเลยครอบครองเรือยนต์ของนางเหรียญทอง โดยนางเหรียญทองมอบหมายให้จำเลยนำเรือยนต์ดังกล่าวไปทำการดูดแร่ในทะเล แล้วจำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์นั้นเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต เห็นว่าข้อกล่าวหาที่ว่าจำเลยเบียดบังนั้น โจทก์มิได้ระบุการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยกระทำการอย่างไรที่พอจะถือได้ว่าจำเลยเบียดบังเอาเรือยนต์ไปเป็นของจำเลยหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต เมื่อโจทก์ไม่บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๕๗/๒๕๑๔
พิพากษายืน.