คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลได้อนุญาตให้ผู้ร้องร้องขอแบ่งมรดกในฐานทายาทศาลชั้นต้นยกฟ้อง ผู้ร้องไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยกับโจทก์นั้น หาใช่เป็นการสละมรดกตามกฎหมายหรือต้องด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ที่จะทำให้สิทธิในการรับมรดกของผู้ร้องต้องเสียไปไม่
ในระหว่างพิจารณาทายาทมีสิทธิที่จะร้องขอส่วนแบ่งมรดกในคดีที่ทายาทคนอื่นได้ฟ้องไว้แล้ว(ประชุมใหญ่ครั้งที่6-7/92)

ย่อยาว

เดิมนางชะงาย นางชุบเป็นโจทก์ฟ้องนางระเวงกับนางชุ่มเป็นจำเลย ขอแบ่งมรดกของหลวงนครฯ แล้วมีนางเผี่ยน นายหล่ำ นางสาวสาลี่ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม และศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะตามพินัยกรรมหลวงนครฯ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องนางชะงายและนางสาวสาลี่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมข้อ 3 เป็นโมฆะจำเลยต้องเอามรดกมาแบ่งแก่ทายาทตามกฎหมาย พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

ศาลชั้นต้นทำการพิพากษาใหม่ นายหล่ำ นางชุบกลับยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมอีกทั้งในฐานะส่วนตัวที่ว่าเป็นทายาทหลวงนครฯ และอ้างว่าเป็นผู้รับมรดกนางเผี่ยน โดยนางเผี่ยนตาย นางชะงายและนางสาวสาลี่คัดค้านไม่ยอมให้เกี่ยวข้องในคดี อ้างเหตุว่าไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นนับว่าคดีของผู้ร้องยุติแล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องเป็นโจทก์ร่วมตามคำร้องขอ

นางชะงายโจทก์ นางสาวสาลี่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นางชะงาย และนางสาวสาลี่ฎีกา

ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า การที่ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยกับโจทก์นั้น หาใช่เป็นการสละมรดกตามกฎหมาย หรือต้องด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดไม่ที่จะทำให้สิทธิในการรับมรดกของผู้ร้องต้องเสียไป และในคดีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกในชั้นนี้ ยังได้ชื่อว่าระหว่างพิจารณาซึ่งทายาทมีสิทธิร้องขอส่วนแบ่งมรดกได้ ไม่มีเหตุอะไรตามกฎหมายที่จะไปตัดสิทธิการรับมรดกของผู้ร้อง

พิพากษายืน

Share