คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบว่า โจทก์ได้กู้เงินจำเลยและได้มอบโฉนดที่ดินให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันการกู้เงิน ตามสัญญากู้มิได้กำหนดวันชำระเงินไว้ สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญากู้ เริ่มนับตั้งแต่วันกู้เป็นต้นไป และมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 นับตั้งแต่วันกู้เงิน ถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของจำเลยไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยป็นมูลเหตุยึดถือโฉนดฉบับพิพาทของโจทก์ไว้ขาดอายุความเสียแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดไว้เป็นประกันหนี้นั้นต่อไป
การที่โจทก์กู้เงินและมอบโฉนดให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ไม่เข้าลักษณะจำนำ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 189 จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดของโจทก์ไว้ต้องคืนให้โจทก์ (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2521)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ถูกศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้ผู้มีชื่อแต่โฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ที่จำเลย จำเลยยึดไว้โดยไม่มีอำนาจ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์มอบที่ดินดังกล่าวให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ทีโจทก์กู้ไปจากจำเลย และยังไม่ชำระเงินกู้ จำเลยจึงมีอำนาจยึดถือโฉนดไว้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งโฉนดให้แก่โจทก์หรือใช้ค่าโฉนด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าจำเลยมีสิทธิยึดโฉนดที่ ๕๙๔๔ ของโจทก์ไว้หรือไม่ เห็นว่าแม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ได้กู้เงินจำเลยและได้มอบโฉนดที่ ๕๙๔๔ ให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันการกู้เงินตามสัญญากู้เอกสารหมาย ล. ๑ สัญญากู้ทำไว้ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๘ มิได้กำหนดวันชำระเงินที่กู้ไว้ สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญากู้เริ่มนับตั้งแต่วันที่กู้เป็นต้นไป และมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ เมื่อนับตั้งแต่วันที่โจทก์กู้เงินจำเลยถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ (๒๙ เมษายน ๒๕๑๘) เป็นเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของจำเลยไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด ดังนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อหนี้ที่จำเลยอาศัยเป็นมูลเหตุยึดถือโฉนดฉบับพิพาทของโจทก์ไว้ขาดอายุความเสียแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดไว้เป็นประกันหนี้นั้นต่อไป ในเรื่องอายุความนี้จำเลยมีหน้าที่นำสืบว่า หนี้ตามสัญญากู้ไม่ขาดอายุความ เพราะจำเลยอ้างว่าจำเลยมีสิทธิยึดถือโฉนดไว้ได้ โดยอาศัยมูลหนี้ดังกล่าวอันอยู่ในประเด็นที่ว่าจำเลยมีสิทธิยึดโฉนดที่ ๕๙๔๔ ของโจทก์ไว้หรือไม่ และไม่จำต้องส่งสัญญากู้เอกสารหมาย ล. ๑ ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ว่าลายมือชื่อผู้กู้ในเอกสารดังกล่าวเป็นลายมือชื่อของโจทก์หรือไม่ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ที่จำเลยฎีกาว่าแม้สิทธิเรียกร้องของจำเลยจะขาดอายุความ จำเลยก็มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ ในฐานะผู้รับจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๘๙ นั้น เห็นว่าการที่โจทก์กู้เงินและมอบโฉนดให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ ไม่เข้าลักษณะจำนำ กรณีไม่ต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าว จำเลยไม่มีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ ๕๙๔๔ ของโจทก์ไว้ ต้องคืนให้โจทก์
พิพากษายืน

Share