คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2284/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ประเด็นข้อพิพาทซึ่งปรากฏจากคำฟ้องและคำให้การแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน. การครอบครองที่พิพาทเพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่พิพาทแม้จะครอบครองที่พิพาทมาช้านานเท่าใดก็ไม่อาจยกเอาการแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375ขึ้นมาอ้างอิงได้นอกจากจะได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามมาตรา1381ก่อนจึงจะอ้างสิทธิครอบครองตามมาตรา1375ขึ้นมาอ้างอิงได้. การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาทของเจ้าของที่พิพาทไว้เพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยได้ไปขอให้ทางการออกน.ส.3แล้วต่อมาเจ้าของที่พิพาทได้ไปคัดค้านไว้กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่พิพาทโดยบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าตนไม่มีเจตนาที่จะยึดถือที่พิพาทไว้แทนเจ้าของที่พิพาทอีกต่อไปดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา1381แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(วรรคนี้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่3/2529).

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ มี สิทธิ ครอบครอง ที่ดิน 1 แปลงโจทก์ ได้ ที่ดิน ดังกล่าว มา จาก นาย เคล้า ทิพย์กองลาศ โดย นาย เคล้ามอบ ให้ โจทก์ เพื่อ เป็น การ ชำระ หนี้ เงินกู้ โจทก์ ได้ ครอบครอง ทำประโยชน์ ทำนา ปลูกข้าว นำ สำรวจ และ เสีย ภาษี บำรุง ท้องที่ ตลอด มา เมื่อ ต้นปี พ.ศ. 2518 โจทก์ ได้ ยื่น คำขอ ออก น.ส.3 ต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ นาย เคล้า ได้ ยื่น คำคัดค้าน ไว้ ครั้น เดือน ตุลาคม 2523โจทก์ ทราบ ว่า จำเลย ได้ ขอ ออก น.ส.3 ก. สำหรับ ที่ดิน ดังกล่าวเจ้าพนักงาน ที่ดิน ได้ ออก น.ส.3 ก. ให้ จำเลย ซึ่ง เป็น การ ออกน.ส.3 ก. ให้ จำเลย โดย ไม่ ชอบ ด้วย กฎหมาย ขอ ให้ พิพากษา ว่า โจทก์มี สิทธิ ครอบครอง ใน ที่ดิน ดังกล่าว ห้าม จำเลย และ บริวาร เข้าเกี่ยวข้อง และ ให้ เพิกถอน น.ส.3 ก. ฉบับ ดังกล่าว
จำเลย ให้การ ว่า ที่ พิพาท เป็น ของ จำเลย ได้ รับ การ ยกให้ มา จากนาย เคล้า ทิพย์กองลาศ เมื่อ ปี พ.ศ. 2521 จำเลย ได้ ครอบครอง เป็นเจ้าของ มา เกิน 1 ปี แล้ว ซึ่ง เจ้าพนักงาน ที่ดิน ได้ ออก น.ส.3 ก.ให้ จำเลย เดิม นาย เคล้า บิดา จำเลย ได้ กู้ เงิน โจทก์ ไป 3,000 บาทมอบ ที่นา พิพาท ให้ โจทก์ ทำกิน แทน ดอกเบี้ย และ เสีย ภาษี บำรุงท้องที่ แทน ด้วย เมื่อ ปี พ.ศ. 2518 โจทก์ ยื่น คำร้อง ขอ ให้เจ้าพนักงาน ที่ดิน ออก น.ส.3 ก. นาย เคล้า บิดา จำเลย ซึ่ง เป็นเจ้าของ ที่พิพาท ได้ คัดค้าน ไว้ เจ้าพนักงาน ที่ดิน จึง ไม่ ออก น.ส.3 ให้ ต่อมา ปี พ.ศ. 2521 บิดา จำเลย ได้ ยก ที่ พิพาท ให้ จำเลย จำเลยได้ เข้า ทำนา ใน ปี นั้น โจทก์ รู้ เห็น และ ไม่ ทักท้วง ต่อมา ปีพ.ศ. 2522 จำเลย ได้ ขอ ให้ เจ้าพนักงาน ที่ดิน ออก น.ส.3 ก. โจทก์ทราบ แต่ ไม่ คัดค้าน ขอ ให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ เพิกถอน น.ส.3 ก. ซึ่ง เป็น ชื่อ นาย เชวงทิพย์กองลาศ ห้าม จำเลย และ บริวาร เข้า เกี่ยวข้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า โจทก์ ฟ้อง และ นำสืบ อ้าง ว่า นาย เคล้า ได้ยก ที่นา ตี ใช้ หนี้ แก่ โจทก์ ซึ่ง จำเลย ปฏิเสธ ว่า ไม่ เป็นความจริง ประเด็น ข้อพิพาท จึง มี ว่า นาย เคล้า ได้ ยก ที่พิพาท ตีใช้ หนี้ ให้ แก่ โจทก์ จริง หรือไม่ แต่ ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์หา ได้ วินิจฉัย ถึง ประเด็น ข้อ นี้ ไม่ ซึ่ง ศาลฎีกา เห็น สมควรวินิจฉัย ประเด็น ข้อ นี้ ไป ทีเดียว โดย ไม่ ต้อง ย้อน สำนวน ศาลฎีกาวินิจฉัย โดย ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า พยานหลักฐาน โจทก์ ไม่ มี น้ำหนัก ให้รับ ฟัง ได้ ว่า นาย เคล้า ได้ ยก ที่พิพาท ตี ใช้หนี้ ให้แก่ โจทก์ และวินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า การ ที่ โจทก์ ครอบครอง ที่พิพาท เพื่อ ทำกินต่าง ดอกเบี้ย นั้น เป็น การ ครอบครอง โดย อาศัย สิทธิ ของ นาย เคล้าซึ่ง เป็น เจ้าของ ที่พิพาท แม้ โจทก์ จะ ครอบครอง ที่พิพาท มา ช้านานเท่าใด ก็ ไม่ อาจ ยก เอา การ แย่ง การ ครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ขึ้น มา อ้างอิง ได้ นอกจาก จะได้ มี การ บอกกล่าว เปลี่ยน ลักษณะ แห่ง การ ยึดถือ ตาม มาตรา 1381เสียก่อน จึง จะ อ้าง สิทธิ ครอบครอง ตาม มาตรา 1375 ได้ การ ที่ โจทก์ขอ ให้ ทางการ ออก น.ส.3 เมื่อ ปี พ.ศ. 2518 นั้น ทาง พิจารณา ได้ ความแต่ เพียง ว่า ทาง อำเภอ ประกาศ ให้ เจ้าของ ที่ดิน ไป ขอ ออก น.ส.3โจทก์ ซึ่ง เป็น ฝ่าย ครอบครอง ที่พิพาท นี้ อยู่ จึง ได้ ไป ขอ ออกน.ส.3 เจ้าหน้าที่ ได้ สอบสวน โจทก์ และ ออก ไป สำรวจ ที่ดิน แต่ ในที่สุด เจ้าหน้าที่ มิได้ ออก น.ส.3 ให้ โจทก์ โดย แจ้ง ว่า นาย เคล้ามา คัดค้าน ไว้ หลังจาก นั้น ไม่ ปรากฏ ว่า โจทก์ ได้ ดำเนินการ อย่างไรต่อไป อีก ศาลฎีกา โดย มติ ที่ ประชุมใหญ่ เห็น ว่า การ ที่ โจทก์ ซึ่งเป็น ผู้ ยึดถือ ครอบครอง ที่พิพาท ของ นาย เคล้า บิดา จำเลย ไว้ เพื่อทำกิน ต่าง ดอกเบี้ย ได้ ไป ขอ ให้ ทางการ ออก น.ส.3 แล้ว ต่อมานาย เคล้า ได้ ไป คัดค้าน ไว้ กรณี เช่นนี้ ยัง ถือ ไม่ ได้ ว่า โจทก์ได้ เปลี่ยน ลักษณะ แห่ง การ ยึดถือ ที่พิพาท โดย บอกกล่าว ไป ยังนาย เคล้า ว่า ตน ไม่ มี เจตนา ที่ จะ ยึดถือ ที่พิพาท ไว้ แทน นายเคล้า อีก ต่อไป ดัง ที่ บัญญัติ ไว้ ใน มาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรณี จึง ต้อง ถือ ว่า โจทก์ ยัง คง ถือครอบครอง ที่พิพาท โดย อาศัย สิทธิ ของ นาย เคล้า อยู่ ต่อไป เมื่อโจทก์ ยัง ครอบครอง ที่พิพาท โดย อาศัย สิทธิ ของ นาย เคล้า อยู่เช่นนี้ แม้ โจทก์ จะ ครอบครอง ที่พิพาท มา ช้านาน เท่าใด ก็ ไม่ ได้สิทธิ ครอบครอง เป็น เจ้าของ ใน ที่พิพาท ดังกล่าว เมื่อ ที่พิพาท ยังเป็น ของ นาย เคล้า นาย เคล้า ย่อม มี สิทธิ จะ ยก ที่พิพาท ให้ แก่จำเลย ได้ โจทก์ จึง ไม่ มี สิทธิ ฟ้อง ขับไล่ และ ไม่ มี สิทธิ ขอ ให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ที่ ทางการ ออก ให้ แก่ จำเลย นั้น ได้
พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง โจทก์.

Share