คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในศาลแขวงนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20 กำหนดไว้ว่าถ้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ให้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหามายังพนักงานอัยการ เพื่อฟ้องศาลโดยไม่ต้องสอบสวนและให้ฟ้องด้วยวาจา และมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่าการฟ้องด้วยวาจาให้โจทก์แจ้งต่อศาลถึงชื่อโจทก์ ชื่อ ที่อยู่ และสัญชาติของจำเลย ฐานความผิด การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและอื่น ๆ อีกหลายประการ เช่นนี้ โจทก์จึงต้องมาศาล เมื่อโจทก์เพียงแต่ให้พนักงานธุรการนำบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจามายื่นต่อศาล โดยโจทก์ไม่มาศาล ย่อมถือไม่ได้ว่ามีการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา
บันทึกการฟ้องคดีด้วยวาจาของโจทก์เป็นเพียงหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจา และเพื่อความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หาใช่ฟ้องด้วยวาจาตามกฎหมายไม่.

ย่อยาว

มูลคดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ให้พนักงานธุรการนำบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจามายื่นต่อพนักงานรับฟ้อง กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙
โจทก์ยื่นบันทึกเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๒๘ เวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา ครั้นเวลา ๑๖.๕๐ นาฬิกา เจ้าหน้าที่ธุรการรายงานต่อศาลว่าโจทก์ไม่มาศาลศาลชั้นต้นเห็นว่าบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ไม่ถือว่าเป็นฟ้องตามกฎหมายจึงเท่ากับว่าคดีนี้โจทก์ยังไม่ได้ฟ้องคดี ให้จำหน่ายออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เห็นว่าบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๒๘ ของโจทก์นั้นเป็นเพียงหลักฐานการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและเป็นความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หาใช่ฟ้องด้วยวาจาตามกฎหมายไม่ โจทก์ฎีกาว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นศาล ศาลพิพากษาไปได้ทันที และตามมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙ ไม่บังคับให้โจทก์ต้องไปศาลนั้น ตามสำนวนศาลมิได้สอบถามคำให้การจำเลย โจทก์จะว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นศาลได้อย่างไร แม้มาตรา ๒๐ ที่โจทก์อ้างจะมิได้บังคับโดยตรงว่าโจทก์ต้องไปศาล แต่วิธีปฏิบัติตามมาตรา ๒๐ ดังกล่าวซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหามายังพนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาลโดยมิต้องทำการสอบสวนและให้ฟ้องด้วยวาจา การฟ้องด้วยวาจาพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๑๙ บัญญัติให้โจทก์แจ้งต่อศาลถึงชื่อโจทก์ ชื่อ ที่อยู่และสัญชาติของจำเลย ฐานความผิดการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและอื่น ๆ อีกหลายประการ เห็นได้ว่าลักษณะของงานบังคับให้โจทก์ต้องไปศาลอยู่ในตัว เมื่อโจทก์ไม่ไปศาลย่อมถือได้ว่าไม่มีการฟ้องคดีดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไว้ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share