คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2267/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้คำร้องของจำเลยจะระบุว่าขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) แต่เนื้อหาในคำร้องเป็นการขอให้งดการบังคับคดีเพื่อขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 293 วรรคหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกัน คดีนี้จำเลยฟ้องโจทก์ที่ศาลอื่นจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะหักกลบลบหนี้ได้ และเมื่อศาลมีคำสั่งตามคำร้องดังกล่าวไม่ว่าจะสั่งให้มีผลในทางใด คำสั่งของศาลย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคสาม จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายจำนวน 11,400 บาท ค่าชดเชยจำนวน 108,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี จากต้นเงินค่าจ้างค้างจ่ายนับแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน2540 อันเป็นวันเลิกจ้างไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 จ่ายค่าชดเชยจำนวน 25,500 บาท แก่โจทก์ที่ 2 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องแย้งของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิพากษายืน

โจทก์ขอหมายบังคับคดีเพื่อบังคับตามคำพิพากษา

จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่า จำเลยได้เป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการจังหวัดสระบุรี ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5170/2542 ฟ้องโจทก์ที่ 1 เป็นจำเลย ข้อหาฉ้อโกง โดยมีคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายและได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ที่ 2 เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดมีนบุรีข้อหาละเมิด ซึ่งรูปคดีของจำเลยมีโอกาสชนะคดีเมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะจะไม่ต้องมีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของตนโดยวิธีอื่นเพราะสามารถหักกลบลบหนี้กันได้ ขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ทั้งสองจะถึงที่สุด ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องของจำเลยแล้วเห็นว่าจำเลยเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ที่ 1 ยังศาลจังหวัดสระบุรี และจำเลยได้ฟ้องโจทก์ที่ 2 ยังศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งเป็นคดีที่ฟ้องยังศาลอื่น ไม่สามารถหักกลบลบหนี้กันได้ จึงไม่มีเหตุที่จะงดการบังคับคดี ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคแรก จึงให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์

จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนี้

พิเคราะห์แล้ว คำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2544แม้จะระบุที่มุมบนด้านซ้ายขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) แต่เนื้อหาในคำร้องเป็นการให้งดการบังคับคดีเพื่อขอหักกลบลบหนี้ตามมาตรา 293 วรรคแรก ซึ่งต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ฟ้องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกัน คดีนี้จำเลยฟ้องโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ที่ศาลอื่น จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะหักกลบลบหนี้กันได้ตามมาตรา 293 วรรคแรก และมาตรา 293 วรรคสามที่แก้ไขใหม่บัญญัติให้คำสั่งของศาลตามมาตรานี้เป็นที่สุดหมายความว่า เมื่อศาลมีคำสั่งตามคำร้องดังกล่าวแล้วไม่ว่าจะสั่งให้มีผลในทางใดก็ให้เป็นที่สุด ดังนั้นคำสั่งของศาลแรงงานกลางที่สั่งยกคำร้องของจำเลยจึงเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 293 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลย

Share