คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2253/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปปักเสาและปลูกต้นมะขาม ในที่ดินของโจทก์ก็เพื่อถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ ดังนั้น ความผิดฐานบุกรุกได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วเมื่อจำเลยเข้าไปกระทำการดังกล่าวส่วนการครอบครองที่ดินต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุก การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดต่อเนื่องตราบเท่าที่จำเลยยังถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดระหว่างวันที่ 1 ถึง 10 สิงหาคม2528 เวลาใดไม่ปรากฏชัด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 และ 363 โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนแม้จะมีข้อความตอนหนึ่งว่าขณะนี้จำเลยยังคงบุกรุกอยู่ ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตามฟ้องทั้งเวลากลางวันและกลางคืน แต่โจทก์ก็มิได้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3)อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน เมื่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 และ 363 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ โจทก์มิได้ร้องทุกข์และได้ฟ้องคดีเองเมื่อพ้นกำหนดสามเดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึง 10 สิงหาคม 2528เวลาใดไม่ปรากฎชัด จำเลยได้บุกรุกเข้าไปปักเสาและปลูกต้นมะขามในที่ดินของโจทก์โดยมีเจตนาทุจริต เพื่อถือการครอบครองอสังหา-ริมทรัพย์หรือเข้าไปกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริม-ทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข ขณะนี้จำเลยก็ยังคงบุกรุกอยู่ โจทก์ทราบการกระทำผิดของจำเลยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2528 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 363 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะบุกรุกที่ดินของโจทก์ตลอดเวลา ความผิดอันเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อจำเลยเริ่มบุกรุกและเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดไปตราบเท่าที่จำเลยยังปักเสาและปลูกต้นมะขามในที่พิพาท คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ที่จำเลยเข้าไปปักเสาและปลูกต้นมะขามในที่ดินของโจทก์ก็เพื่อถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ ดังนั้นความผิดฐานบุกรุกได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วเมื่อจำเลยเข้าไปกระทำการดังกล่าว ส่วนการครอบครองที่ดินต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุก การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดต่อเนื่องตราบเท่าที่จำเลยยังถือการครอบครองที่ดินดังที่โจทก์ฎีกาในปัญหาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชี้ขาดมาหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดระหว่างวันที่ 1 ถึง 10 สิงหาคม2528 เวลาใดไม่ปรากฏชัด และขณะนี้ซึ่งหมายความว่าขณะยื่นฟ้องจำเลยก็ยังคงบุกรุกอยู่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และ 363โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน แม้จะมีข้อความตอนหนึ่งว่าขณะนี้จำเลยก็ยังคงบุกรุกอยู่ ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตามฟ้องทั้งเวลากลางวันและกลางคืน แต่โจทก์ก็มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) ซึ่งเป็นความผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืน อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดินจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) คงประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 362 และ 363 เท่านั้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และ 363 ซึ่งมาตรา 366บัญญัติว่าเป็นความผิดอันยอมความกันได้ อายุความฟ้องร้องนอกจากจะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 แล้ว ต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 96 ด้วย กล่าวคือ ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ภายในสามเดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดมิฉะนั้นขาดอายุความถ้าผู้เสียหายที่มิได้ร้องทุกข์ไว้จะฟ้องเองก็ต้องฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว คดีนี้ โจทก์ฟ้องโดยมิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยบรรยายฟ้องว่าโจทก์ทราบการกระทำความผิดของจำเลยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2528 และนำสืบว่าโจทก์รู้ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์เมื่อเดือนกันยายน 2528 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2529 คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share