แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (3) แต่ผู้ที่จะมีสิทธิขอคุ้มครองตามบทบัญญัติดังกล่าวต้องเป็นโจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องดังกล่าว
ย่อยาว
คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยเรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3
คดีสืบเนื่องจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสาม จำเลยไม่ชำระ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงยึดทรัพย์จำเลยขายทอดตลาด
จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 5 สิงหาคม 2545 จำนวนสองฉบับ โดยฉบับแรกอ้างว่าราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยต่ำเกินสมควร เกิดจากคบคิดกันฉ้อฉลในระหว่างผู้เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคาและเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดี ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง (เดิม) ส่วนคำร้องฉบับที่สองขอให้ระงับการบังคับคดีไว้ก่อน
ศาลแรงงานกลางสั่งคำร้องฉบับแรกว่า อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 58 ให้ผู้ร้องวางเงินให้พอต่อการชำระหนี้ของโจทก์ในคดีนี้ภายใน 7 วัน แล้วจึงจะพิจารณาสั่งคำร้องนี้ และสั่งคำร้องฉบับที่สองว่ารอไว้สั่งพร้อมกับคำร้อง (ฉบับแรก) ที่ขอเพิกถอนการขาย
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีก 30 วัน นับจากวันที่ครบกำหนด (12 สิงหาคม 2545) กับขอให้แจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีรอการโอนกรรมสิทธิ์ไว้ชั่วคราว และขอให้นัดพร้อมเพื่อเจรจากับฝ่ายโจทก์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2545 อนุญาตให้จำเลยวางเงินภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เป็นครั้งสุดท้าย และแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีรอการโอนกรรมสิทธิ์ไว้ชั่วคราวก่อน กับให้นัดพร้อมเพื่อเจรจาตามขอ
ต่อมาในวันที่ 10 กันยายน 2545 ซึ่งเป็นวันนัดพร้อมศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยไม่วางเงินภายในเวลาที่ศาลอนุญาตตามคำร้องฉบับลงวันที่ 5 และวันที่ 9 สิงหาคม 2545 จึงถือว่าจำเลยไม่ติดใจ มีคำสั่งยกคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทั้งสองฉบับ (ที่ถูกฉบับลงวันที่ 5 สิงหาคม 2545 ฉบับเดียว) กรณีไม่มีเหตุที่จะให้งดการบังคับคดี จึงให้ยกคำร้องขอให้ระงับการบังคับคดีด้วย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “อนึ่ง ที่จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 21 ตุลาคม 2545 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 (3) นั้น เห็นว่า ผู้ที่จะมีสิทธิขอคุ้มครองตามบทบัญญัติดังกล่าวต้องเป็นโจทก์จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องดังกล่าว”
พิพากษายกคำสั่งในวันที่ 10 กันยายน 2545 ของศาลแรงงานกลาง และให้จำเลยนำเงินตามคำสั่งศาลแรงงานกลางมาวางภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่งนี้ แล้วให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการต่อไป และให้ยกคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 21 ตุลาคม 2545 เสีย.