คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนำภาพของโจทก์ลงพิมพ์ที่หน้าปกของหนังสือพิมพ์รายวันเสียงปวงชน รวมกับภาพอื่นซึ่งมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 20 ภาพเศษ นอกจากภาพบุคคลแล้วยังมีภาพไฟไหม้อาคาร ภาพเครื่องบินชนโรงงานและภาพงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทุกภาพไม่มีข้อความอธิบายเหตุการณ์หรือบอกชื่อบุคคลในภาพนั้นแต่อย่างใด คงมีแต่ข้อความซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรภาษาไทย ขนาดตัวโตขวางทับอยู่กลางหน้ากระดาษว่า “ภาพเหตุการณ์ในรอบปี” เท่านั้นและภาพโจทก์ที่นำลงพิมพ์ไว้นั้นจัดวางไว้ทางตอนบนของหน้ากระดาษเป็นภาพครึ่งตัวส่วนบนแต่งกายเรียบร้อย สวมเสื้อนอก มีผ้าผูกคอ ผิดกับภาพบุคคลอื่น ๆ และเป็นภาพ ของโจทก์เดี่ยว ๆ เป็นเอกเทศ แม้จะมีภาพผู้ต้องหาหรือผู้กระทำผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงพิมพ์รวมอยู่รอบ ๆ ภาพของโจทก์ด้วยก็ตามแต่ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงน่าจะเป็นการเสนอภาพเพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณา ไม่พอที่จะชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาดูหมิ่นโจทก์ อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 บังอาจร่วมกันนำภาพโจทก์ลงพิมพ์โฆษณารวมอยู่กับผู้ต้องหาและผู้กระทำผิดทางอาญาอุกฉกรรจ์ในหนังสือพิมพ์รายวันเสียงปวงชน เพื่อที่จะให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้สึกว่า โจทก์เป็นบุคคลจำพวกเดียวกับผู้ต้องหาและกระทำความผิดดังกล่าวนั้น จำเลยทั้งสองมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ ร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 326,328, 393 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 48

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะความผิดฐานดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484มาตรา 4, 48 จำคุก 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปียกฟ้องจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 นำภาพโจทก์มาลงพิมพ์ไว้ตามที่โจทก์ฟ้อง ยังไม่เพียงพอที่จะฟังว่าเป็นเหตุที่ทำให้ผู้พบเห็นหรือผู้อ่านหนังสือพิมพ์เข้าใจไปว่าโจทก์เป็นบุคคลพวกเดียวกันกับอาชญากร และรับฟังไม่ได้ด้วยว่าจำเลยที่ 1 กระทำไปโดยมีเจตนาดูหมิ่นโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หนังสือพิมพ์เสียงปวงชนฉบับที่ 21 มิถุนายน2520 ฉบับพิพาทซึ่งเป็นฉบับพิเศษครบรอบ 3 ขวบของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีจำเลยที่ 1 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ได้ลงพิมพ์ภาพบุคคลและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่แผ่นหน้าปกเต็มหน้าโดยมีภาพโจทก์ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรวมอยู่ด้วย และวินิจฉัยว่า พิเคราะห์ภาพต่าง ๆ ในแผ่นหน้าปกหนังสือพิมพ์ฉบับพิพาทแล้ว ปรากฏว่ามีทั้งหมดประมาณ 20 ภาพเศษ นอกจากภาพบุคคลซึ่งรวมทั้งภาพโจทก์และภาพเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว ยังมีภาพไฟไหม้อาคาร ภาพเครื่องบินชนโรงงาน และภาพงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทุกภาพไม่มีข้อความอธิบายเหตุการณ์หรือบอกชื่อบุคคลในภาพนั้นแต่อย่างใด คงมีแต่ข้อความซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรภาษาไทยขนาดโตขวางทับอยู่กลางหน้ากระดาษว่า “ภาพเหตุการณ์ในรอบปี” เท่านั้น เห็นว่าภาพโจทก์ที่นำลงพิมพ์ไว้นั้นจัดวางไว้ทางตอนบนของหน้ากระดาษเป็นภาพครึ่งตัวส่วนบน อยู่ในสภาพที่แต่งกายเรียบร้อย สวมเสื้อนอกมีผ้าผูกคอ ผิดกับภาพบุคคลอื่น ๆ ทั้งหมดและเป็นภาพของโจทก์เดี่ยว ๆ เป็นเอกเทศ แม้จะมีภาพผู้ต้องหาหรือผู้กระทำผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงพิมพ์รวมอยู่รอบ ๆ ภาพของโจทก์ด้วยก็ตาม ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้โจทก์เข้าใจว่าเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจึงน่าจะเป็นการเสนอภาพเพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณา ไม่มีเจตนาดูหมิ่นโจทก์

พิพากษายืน

Share