คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หน้าที่นำสืบ ผู้ใดต่อสู้ว่าตนจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมายแล้ว มีหน้าที่ต้องนำสืบให้สมข้อต่อสู้คดีนี้จำเลยให้การต่อสู้ว่ากระทำไปโดยถูกบังคับขู่เข็ญตามมาตรา 49 นั้นเป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยอยู่ในที่บังคับแลใต้อำนาจที่ไม่สามารถจะขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงได้ แลไม่มีเจตนาชั่วร้ายกระทำไปเพื่อป้องกันตัวเองหรือหรือผู้อื่นให้พ้นภยัน่ตรายอันร้ายแรงซึ่งจำเลยมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเองแลจะป้องกันด้วยอุบานอย่างอื่นก็ไม่ได้ แลในข้อเหล่านี้ได้ทำไปโดยไม่เกินกว่าเหตุด้วย จำเลยจึงจะได้ยกเว้นโทษตาม ม.49

ย่อยาว

ได้ความว่าเดิมโคของ พ.ถูกผู้ร้ายลักไปฆ่า จำเลยถูกกำนันจับส่งไปยังอำเภอฐานสงสัยว่าเป็นพรรคพวกกับ ล. ในการลักโครายนี้ ชั้นอำเภอไต่สวนจำเลยให้การว่าจำเลยเห็น ล.กับพวกลักโครายนี้ไปฆ่า ในการไต่สวนนี้กำนันเป็นแต่ผู้นั่งอยู่ด้วยเท่านั้น ครั้นจำเลยไปเบิกความต่อศาลกลับว่าไม่รู้เห็นว่าใครเป็นผู้ร้ายรายนี้ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา ๑๑๘
จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำไปโดยถูกกำนันบังคับขู่เข็ญให้ให้การเช่นนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยให้การต่อสู้คดีดังนี้ จำเลยจะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยตกอยู่ในที่บังคับแลใต้อำนาจที่ไม่สามารถจะขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงได้ แลไม่มีเจตนาชั่วร้ายกระทำไปเพื่อป้องกันตัวเองหรือผู้อื่นให้พ้นภยัน่ตรายอันร้ายแรงซึ่งจำเลยมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเองแลจะป้องกันภยันตรายนั้นด้วยอุบายอย่างอื่นไม่ได้ แลในข้อเหล่านี้ไม่ปรากฎว่าจำเลยทำเกินสมควรกว่าเหตุ จำเลยจึงจะได้รับความยกเว้นโทษตาม ม.๔๙ แต่คดีนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยอยู่ในที่บังคับแลใต้อำนาจที่ตนไม่สามารถขัดขืนหือหลีกเลี่ยงได้ เพราะจำเลยจะให้การตามจริงต่อหน้าอำเภอไต่สวนก็ได้ กำนันจะทำอะไรแก่จำเลยได้ แลข้อที่ว่าจำเลยต้องทำเพื่อป้องกันตัวเองในการที่กล่าวหา ล.เพื่อให้จำเลยเองพ้นผิดไปนั้นก็ฟังไม่ได้ แลการที่จำเลยให้การเท็จต่ออำเภอนั้นเป็นเหตุให้ ล.ถูกฟ้องในคดีอาชญา จำเลยต้องมีผิดตาม ม.๑๑๘ ให้จำคุก ๑ เดือน

Share