คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ญาติของจำเลยทะเลาะและเข้าชุลมุนกอดปล้ำกับผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยซึ่งกำลังทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์ จึงได้เข้าช่วยญาติของตน ด้วยการใช้มีดทำครัวฟันผู้เสียหายทั้งสองผู้เสียหายคนหนึ่งมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ 2 แผลกว้าง0.5 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะ กับมีบาดแผลอื่นที่ศีรษะซึ่งมิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอีก 2 แผล บาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน 15 วัน ส่วนผู้เสียหายอีกคนหนึ่งมีบาดแผลทั้งหมด 8 แผล แต่บาดแผลที่เกิดจากถูกจำเลยฟันมี 2 แผล แผลหนึ่งกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนัง อีกแผลหนึ่งที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนที่ใบหูยาวตลอดลำคอด้านซ้าย กว้าง 2 เซนติเมตรยาว 15 เซนติเมตร ลึกถึงกล้ามเนื้อแพทย์มิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย บาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่ทำให้เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,91 เท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก 2 คนร่วมกันใช้มีดบังตอ ปืน และมีดปลายแหลม เป็นอาวุธฟัน ยิง แทง นายงาม อุทัยอ่วมผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าและจำเลยกับพวกอีก 1 คนร่วมกันใช้มีดบังตอและปืนเป็นอาวุธฟันและยิงนายสินชัย อำนวยผล ผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าแต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะผู้เสียหายทั้งสองได้รับการรักษาจากแพทย์ทัน ผู้เสียหายทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่นายงาม อุทัยอ่วมได้รับอันตรายแก่กายสาหัสป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วันและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า20 วันส่วนนายสินชัย อำนวยผลได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288, 80, 83 เป็นสองกรรมให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ลงโทษจำคุกกระทงละ 10 ปีรวมจำคุก 20 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 91 ให้จำคุกกระทงละ 1 ปีรวมจำคุก 2 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายสมทรงญาติของจำเลยใช้ปืนยิงนายงามผู้เสียหาย 3 นัดนายงามถูกยิงแล้วก็เข้ากอดปล้ำนายสมทรงนายสินชัยผู้เสียหายก็เข้ากอดปล้ำนายสมทรงแย่งปืนจึงถูกนายสมทรงยิงเอา 1 นัดจำเลยซึ่งทำครัวอยู่เห็นเหตุการณ์มาแต่ต้นได้ถือมีดทำครัวออกมาฟันนายงามและนายสินชัยศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลของนายสินชัย 2 แผลกว้างเพียง 0.5 เซนติเมตรยาวเพียง 3 เซนติเมตรแม้จะลึกถึงกะโหลกศีรษะก็เป็นเพราะบริเวณศีรษะมีส่วนที่เป็นเนื้อหนังหุ้มกะโหลกศีรษะอยู่น้อย บาดแผลอื่นที่ศีรษะอีก 2 แผลไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากการถูกฟันและบาดแผลทั้งหมดแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน 15 วันส่วนบาดแผลของนายงามมีทั้งหมด 8 แห่งบาดแผลที่ถูกจำเลยฟันคือแผลที่1 และแผลที่ 6 แผลที่ 6 กว้างเพียง 1 เซนติเมตรยาว 5 เซนติเมตรลึกแค่ผิวหนังบาดแผลต่าง ๆ เหล่านี้แสดงว่าจำเลยมิได้ฟันโดยแรงส่วนแผลที่ 1 ที่กลางใบหูซ้ายขาดลึกถึงกระดูกอ่อนซึ่งน่าจะหมายถึงกระดูกอ่อนที่ใบหู ยาวตลอดลำคอด้านซ้ายกว้าง 2 เซนติเมตรยาว 15 เซนติเมตรลึกถึงกล้ามเนื้อ แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรและรักษาบาดแผลมิได้เบิกความว่าบาดแผลนี้จะทำให้นายงามถึงแก่ความตายได้ แต่กลับว่าบาดแผลอื่นที่มิได้เกิดจากถูกจำเลยฟันอาจทำให้นายงามถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเหตุเกิดจากการชุลมุนกอดปล้ำกันแล้วจำเลยเข้าช่วยญาติของตนด้วยการใช้มีดฟันและฟันถูกเต็มใบมีดจึงเป็นแผลที่ยาว 15เซนติเมตรบาดแผลดังกล่าวไม่เป็นบาดแผลที่เกิดอันตรายแก่กายสาหัส ไม่มีรายงานการชันสูตรไว้โดยเฉพาะว่ารักษาหายภายในกี่วันจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 91 เท่านั้น
พิพากษายืน.

Share