แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้าย โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับเดือนที่จำเลยกระทำผิดจากเดือนกรกฎาคม 2530 เป็นเดือนพฤษภาคม 2530 ซึ่งเป็นเดือนที่เกิดเหตุจริงตามที่พยานโจทก์เบิกความ เมื่อปรากฏว่าในตอนที่จำเลยให้การจำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธลอย แม้จำเลยจะนำสืบว่าเดือนกรกฎาคม 2530 จำเลยถูกขังอยู่ในเรือนจำก็เป็นการถูกขังระหว่างสอบสวนในคดีนี้ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยหลงต่อสู้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี จำคุก ๑๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับวันเกิดเหตุเป็นการไม่ชอบเพราะจำเลยหลงต่อสู้นั้น เห็นว่า ในตอนที่จำเลยให้การจำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธลอย ในวันสืบพยานโจทก์นัดวันสุดท้ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องในส่วนของเดือนเกิดเหตุจากเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๐ เป็นเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นเดือนที่เกิดเหตุจริงตามที่พยานโจทก์เบิกความ แม้จำเลยจะนำสืบว่าเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๐ จำเลยถูกขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครก็เป็นการถูกขังระหว่างสอบสวนคดีนี้นั่นเอง การขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงมิได้ทำให้จำเลยหลงต่อสู้แต่อย่างใด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.