คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น แม้โจทก์มิได้ยกปัญหาอายุความขึ้นเป็นประเด็นแห่งอุทธรณ์เนื่องจากศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยถึงปัญหาอายุความไว้ แต่คำแก้อุทธรณ์มีประเด็นที่จำเลยทั้งสองได้กล่าวแก้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นได้กำหนดข้อโต้เถียงของคู่ความไว้เป็นประเด็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหาอายุความขึ้นวินิจฉัยจึงกระทำได้โดยชอบ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดซึ่งเป็นสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ส่วนที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองได้นำข้อความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จไปยื่นฟ้องโจทก์กับพวกเป็นคดีอาญาในข้อหาว่าร่วมกันหมิ่นประมาทซึ่งฟ้องในคดีอาญาล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้นนั้น ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพื่อให้ฟ้องสมบูรณ์ขึ้นตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172วรรคสอง เท่านั้น หาได้เป็นสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ไม่ ดังนั้น เมื่อคำฟ้องโจทก์เป็นการเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด โดยมิได้กล่าวในคำฟ้องว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดในทางอาญาต่อโจทก์ คดีจึงนับอายุความทางอาญาที่ยาวกว่าตาม ป.พ.พ.มาตรา 448 วรรคสอง ไม่ได้

Share