แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คพิพาทแล้วนำมาแลกเงินสดจาก ส.ต่อมาเมื่อ ส.นำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ เมื่อโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2ผู้สลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องรับผิดใช้เงินนั้นแก่โจทก์ในฐานะเป็นผู้ประกันอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคแรก,921,940,967 และมาตรา 989 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คเพราะมิใช่เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 2ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้ประกันอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทซึ่งมีผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายไว้แล้ว จำเลยที่ 2ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความที่ระบุไว้ในเช็คพิพาทนั้น หาใช่เช็คพิพาทไม่สมบูรณ์ไม่ จำเลยที่ 2 มิได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นในคำให้การ ศาลชั้นต้นจึงมิได้กำหนดประเด็นพิพาทข้อนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น แม้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คจำนวนเงิน 55,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลัง จำเลยทั้งสองนำไปแลกเงินสดจากผู้มีชื่อและผู้มีชื่อนำมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ ครั้นเมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำไปเรียกเก็บเงิน แต่ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คจำนวน 45,000 บาท และดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยกรอกข้อความในเช็ค ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ไม่เคยร่วมกับจำเลยที่ 1 นำเช็คไปแลกเงินสดจากผู้มีชื่อ จำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาทจริง แต่เช็คดังกล่าวยังไม่ได้กรอกข้อความและยังไม่มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทจำเลยที่ 1 มิได้เป็นผู้สั่งจ่าย คงมีแต่จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คนั้น พิพากษาให้จำเลยที่ 2ชำระเงินจำนวน 47,430 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี ในต้นเงิน 45,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คพิพาทแล้วนำมาแลกเงินสดจากนางสุมาลี ต่อมาเมื่อนางสุมาลีนำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ เมื่อโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 2 ผู้สลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องรับผิดใช้เงินนั้นแก่โจทก์ในฐานะเป็นผู้ประกันอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 900 วรรคแรก, 921, 940, 967 และมาตรา 989 แม้จำเลยที่ 1จะไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คเพราะมิใช่เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายก็ตาม แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้ประกันอาวัลสำหรับผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทซึ่งมีผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายไว้แล้ว จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความที่ระบุไว้ในเช็คพิพาทนั้น หาใช้เช็คพิพาทไม่สมบูรณ์ดังจำเลยที่ 2 ฎีกาไม่
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ต่อไปมีว่า ก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้นำเช็คพิพาทไปฟ้องจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1103/2530 ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลวินิจฉัยว่านางสุมาลีไม่ได้นำเช็คพิพาทไปขายให้โจทก์ ข้อเท็จจริงในคดีนี้เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว ศาลควรจะรับฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นข้อเท็จจริงในคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ดังนั้น ในคดีส่วนแพ่งโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในส่วนแพ่งนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 2มิได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าวขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นในคำให้การ ศาลชั้นต้นจึงมิได้กำหนดประเด็นพิพาทข้อนี้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น แม้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรวินิจฉัยให้
พิพากษายืน