คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ทับที่ดินของโจทก์ แล้วโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองมิได้เข้ามาครอบครองที่ดินพิพาท ดังนี้ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยทั้งสองย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอามาตรา 1374,1375แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับแก่คดีหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองทำกินอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาเกือบ 20 ปีแล้ว ต่อมาจำเลยทั้งสองสมคบกันฉ้อโกงเอาที่ดินของโจทก์โดยจำเลยที่ 1 แอบไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินของโจทก์ทั้งแปลงแล้วทำการโอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยกลฉ้อฉล จำเลยทั้งสองไม่เคยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงนี้มาก่อนเลย พ.ศ. 2518 โจทก์เข้าทำนา จำเลยห้ามจึงขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ได้ขายให้แก่จำเลยที่ 2 ผู้ซึ่งรับซื้อไว้โดยสุจริต ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ 1 กระทำโดยชอบ การซื้อขายกระทำโดยสุจริตและฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับ ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทตลอดมา จำเลยที่ 1ได้แต่ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และโอนขายให้จำเลยที่ 2เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาท ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยย่อมจะยังไม่เกิดขึ้นจะนำเอามาตรา 1374,1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับแก่คดีหาได้ไม่โจทก์ผู้มีสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาทย่อมมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารได้

พิพากษายืน

Share