คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2148/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดภายในอายุความ 1 ปี แม้มีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 แต่เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรกนั้นย่อมถือได้ว่าโจทก์ละทิ้งคดีและไม่นับว่าการฟ้องคดีดังกล่าวเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่74/2512) การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีหลังเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่โจทก์ทราบว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448วรรคแรก
กรณีศาลสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 วรรคแรกนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะเสนอคำฟ้องใหม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของโจทก์ได้จ่ายเงินโดยไม่หักยอดส่งคืนเสียก่อน ด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ผู้รับเงินยักยอกเงินของโจทก์ไป โจทก์เสียหาย จึงให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่ต้องรับผิด คดีโจทก์ขาดอายุความ และฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดมีกำหนดอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรกที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วภายในอายุความ 1 ปี มีผลให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 แต่การที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก นั้น ถือได้ว่าโจทก์ละทิ้งคดีและไม่นับว่าการฟ้องคดีดังกล่าวเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174 และ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 74/2512 และกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก นั้น โจทก์มีสิทธิที่จะเสนอคำฟ้องใหม่ได้แต่ต้องอยู่ภายในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยอายุความ ฉะนั้น เมื่อฟังว่าโจทก์ทราบว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2514 แต่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2517 ซึ่งเป็นเวลาเกินกำหนด1 ปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก คำวินิจฉัยของศาลล่างชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share