คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใช้มือชกหนึ่งทีถูกที่จมูกเลือดกำเดาไหล ไม่ปรากฎว่าเลือดกำเดาออกเพราะเหตุใดและชกแรงแค่ไหน ย่อมมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บเท่านั้น
สำนวนการสอบสวนที่ศาลเรียกมาเองนั้นศาลจะยกขึ้นให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองฝ่ายหนึ่งและนายแสวงอีกฝ่ายหนึ่งได้วิวาทกัน จำเลยได้ทำร้ายนายแสวงถึงแก่ความตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยทั้งสองปฏิเสธข้อหาว่าจำเลยป้องกันตัวและผู้ตายมิได้ตายโดยจำเลยทำร้าย
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่จำเลยทั้ง ๒ ได้ชกผู้ตาย ๑ ทีถูกดั้งจมูกเลือดกำเดาไหลแล้วได้กอดปล้ำกันจนตกน้ำแล้วจำเลยที่ ๑ ใช้เหล็กคันโยก สูบน้ำเรือตีผู้ตาย ๑ ที ผู้ตายจมน้ำหายไป พิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ผิด ก.ม. อาญา ม.๒๔๙ จำคุก ๑๖ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ ผิด ม.๒๕๔,๓๒ จำคุก ๑ ปี ๔ เดือนแล้วส่งไปกักกันอีก ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ ๒ ว่า ผิด ก.ม.อาญาม.๓๓๘ (๓) จำคุก ๑ เดือนปรับ ๑๐๐ บาทไม่กักกัน นอกนั้นพิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังว่าจำเลยที่ ๑ ได้ฆ่านายแสวงตายโดยเจตนา แต่สำหรับจำเลยที่ ๒ นั้นเห็นว่าจำเลยใช้มือชกไปเพียง ๑ ทีเลือดกำเดาใหล เลือดกำเดานี้อาจใหลได้เองเพราะร้อนหรือกระทบกระเทือนไม่จำเป็นต้องมีบาดแผลจึงยังไม่พอชี้ขาดว่าถึงบาดเจ็บ การที่ศาลอุทธรณ์เรียกสำนวนการสอบสวนและรายงานการชัณสูตรบาดแผลไปดูเองโดยโจทก์มิได้อ้างเป็นพยานมานั้น โจทก์จะขอให้ศาลยกขึ้นมาเพื่อเป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน.

Share