แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องของผู้ร้องฉบับก่อนเป็นการร้องขอให้บังคับชำระหนี้จำนองโดยอาศัยอำนาจของเจ้าหนี้จำนองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ส่วนคำร้องของผู้ร้องฉบับหลังเป็นการร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามป.วิ.พ. มาตรา 287 ซึ่งบัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลภายนอกไว้ผู้ร้องยื่นคำร้องโดยอ้างเหตุตามบทกฎหมายคนละเหตุคนละมาตราเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือร้องซ้ำ คำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287ไม่ใช่คำฟ้องตามมาตรา 1(3) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาล คงเสียแต่ค่าคำร้องเหมือนคำร้องธรรมดา และการร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดหรืออนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ขายทอดตลาดมิได้ขัดแย้งกัน ไม่ได้ทำให้คำร้องนั้นเสียไป ตามคำร้องหมายความว่าหากเพิกถอนการขายทอดตลาดไม่ได้ จึงขอให้ได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ขายทอดตลาด เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามป.วิ.พ. มาตรา 287 โดยเท้าความถึงคำร้องขอให้บังคับชำระหนี้จำนองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าหนี้จำนองตามมาตรา 289 ฉบับก่อน ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ จำเลย ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดและเจ้าพนักงานบังคับคดี บุคคลดังกล่าวมีโอกาสคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว ซึ่งตามคำคัดค้านของโจทก์นั้นก็มิได้ปฏิเสธข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญาจำนองว่าเป็นเงินเท่าใด และผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองนั้นหรือไม่ ดังนี้เมื่อศาลชั้นต้นได้พิเคราะห์คำร้องของผู้ร้อง คำคัดค้านของโจทก์กับผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดการไต่สวนจึงเป็นการชอบแล้ว เพราะเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาคดีได้ตามควรแก่กรณีแห่งเรื่องเพื่อให้คดี ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 วรรคสอง เป็นแต่ให้อำนาจผู้รับจำนองที่จะยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด แต่ถ้าไม่ยื่นภายในกำหนดดังกล่าวก็หาทำให้ผู้รับจำนองหมดสิทธิไปไม่ โดยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิของผู้รับจำนอง ซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินพิพาทได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 287 ฉะนั้นเมื่อเอาทรัพย์พิพาทขายโดยปลอดจำนองตามหนังสือแจ้งความประสงค์ของผู้ร้องและเมื่อขายทอดตลาดได้แล้ว ก็ต้องชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองก่อน.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ได้นำยึดทรัพย์พิพาทคือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยนำมาจำนองเป็นประกันเงินกู้ไว้แก่ผู้ร้องเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยปลอดจำนองเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2531 ต่อมาวันที่ 10 มีนาคม 2531ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองยื่นคำร้องว่า จำเลยได้จำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันเงินกู้ไว้แก่ผู้ร้อง ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ ผู้ร้องได้มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยแล้ว จำเลยไม่ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองจำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องคิดยอดหนี้ ณ วันที่ยื่นคำร้องเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 320,646.57 บาท ขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทดังกล่าว
โจทก์คัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำนองเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2531 ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์มายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 10มีนาคม 2531 จึงล่วงเลยระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ขอให้ยกคำร้อง
ครั้นถึงวันนัดไต่สวนศาลเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดการไต่สวนและวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นผู้รับจำนองยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนอง ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 แต่ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองได้ ให้ยกคำร้อง
ต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2531 ผู้ร้องยื่นคำร้องใหม่ว่าการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไม่ชอบเพราะตราบใดที่ผู้ร้องยังไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิ์จำนอง และศาลยังมิได้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยปลอดจำนองเจ้าพนักงานบังคับคดีจะขายโดยปลอดจำนองมิได้ บุริมสิทธิ์จำนองของผู้ร้องจึงยังคงอยู่ ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดหรืออนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาด
โจทก์คัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยปลอดจำนองตามความประสงค์ของผู้ร้อง การขายจึงชอบแล้วผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจะต้องยื่นก่อนวันเอาทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 วรรคสอง ผู้ร้องจะยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวไม่ได้ ขอให้ยกคำร้อง
นายประสพไชย ไชยศิริ ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลคัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยปลอดจำนองตามหนังสือแจ้งความประสงค์ของผู้ร้อง และไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ขายก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นคำขอรับชำระหนี้ การขายก็ขายไปตามคำสั่งศาล จึงชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้องในส่วนที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
เมื่อถึงวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดการไต่สวน แล้ววินิจฉัยว่า ผู้ร้องตกลงให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยปลอดจำนอง ผู้ซื้อได้ชำระเงินครบถ้วน ถือได้ว่าการบังคับคดีเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ร้องจะขอให้เพิกถอนการขายมิได้ สำหรับกรณีที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 วรรคสอง เป็นแต่ให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด การไม่ยื่นคำร้องในกำหนดดังกล่าวหาทำให้ผู้ร้องเสียสิทธิในการขอรับชำระหนี้ไม่ การบังคับคดีแก่ทรัพย์จำนองย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้รับจำนองและอาจร้องขอให้บังคับคดีเหนือทรัพย์จำนองได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทก่อนโจทก์ตามคำร้องขอ ยกคำร้องของผู้ร้องกรณีขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและยกคำคัดค้านของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2531 เข้ามาใหม่ เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือร้องซ้ำกับคำร้องฉบับลงวันที่ 10 มีนาคม 2531นั้น เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 10 มีนาคม 2531 เป็นการร้องขอให้บังคับชำระหนี้จำนองโดยอาศัยอำนาจของเจ้าหนี้จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ส่วนคำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2531 นั้นเป็นการร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287ซึ่งบัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลภายนอกไว้ ผู้ร้องยื่นคำร้องโดยอ้างเหตุตามบทกฎหมายคนละเหตุคนละมาตราเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือร้องซ้ำดังที่โจทก์อ้าง
ที่โจทก์ฎีกาว่า คำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2531ไม่ใช่คำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง เพราะมิได้เสียค่าขึ้นศาลแต่เป็นคำร้องที่ยื่นเข้ามาโดยอ้างว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด และไม่มีกฎหมายให้อำนาจผู้ร้อง ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดพร้อมกับคำขอรับชำระหนี้จำนองนั้น เห็นว่าคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ไม่ใช่คำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1(3) ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาล คงเสียแต่ค่าคำร้องเหมือนคำร้องธรรมดา และการร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดหรืออนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ขายทอดตลาดมิได้ขัดแย้งกันไม่ได้ทำให้คำร้องนั้นเสียไป หากเพิกถอนการขายทอดตลาดไม่ได้จึงขอให้ได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ขายทอดตลาด
ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามคำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 2 พฤษภาคม2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการไต่สวนโดยไม่ชอบ เพราะยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญาจำนองเป็นเงินเท่าใด และผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองหรือไม่ เพียงใดนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ จำเลยผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดและเจ้าพนักงานบังคับคดี บุคคลดังกล่าวมีโอกาสคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว เมื่อศาลได้พิเคราะห์คำร้อง คำคัดค้านของโจทก์กับผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดการไต่สวนนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาสั่งได้ตามควรแก่กรณีแห่งเรื่องเพื่อให้คดีดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม ผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าวโดยเท้าความถึงคำร้องของผู้ร้องฉบับลงวันที่ 10 มีนาคม2531 และคำคัดค้านของโจทก์มิได้ปฏิเสธโดยยกเหตุดังที่โจทก์ฎีกาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการไต่สวนนั้นจึงชอบแล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง หากผู้ร้องประสงค์จะขอรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท ผู้ร้องจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289วรรคสอง ซึ่งจะต้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองต่อศาลก่อนวันที่เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินจากการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสอง เป็นแต่ให้อำนาจผู้รับจำนองที่จะยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด แต่ถ้าไม่ยื่นภายในกำหนดดังกล่าวก็หาทำให้ผู้รับจำนองหมดสิทธิไปไม่ โดยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ย่อมไม่กระบทกระทั่งถึงบุริมสิทธิ์ของผู้รับจำนอง ซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินพิพาทได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287ฉะนั้น เมื่อเอาทรัพย์พิพาทขายโดยปลอดจำนองตามหนังสือแจ้งความประสงค์ของผู้ร้อง เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทแล้ว ก็จำต้องชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองก่อน
พิพากษายืน.