คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกไปตรวจไม้แปรรูปที่ผู้เสียหายทั้งสองมีไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แล้วจำเลยได้เรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายทั้งสองคนละ 10 บาท โดยขู่เข็ญว่าถ้าไม่ให้เงินแก่จำเลย จำเลยก็จะส่งตัวผู้เสียหายไปดำเนินคดี ผู้เสียหายกลัวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ข่มขืนใจนายพรมมาและนายบุญหนาให้ยอมให้เงินจำเลยกับพวกคนละ ๑๐ บาท โดยใช้วาจาขู่เข็ญว่าบุคคลทั้งสองมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต หากบุคคลทั้งสองไม่อยากถูกจับกุมไปดำเนินคดี ก็ให้เสียเงินให้กับจำเลยกับพวกบุคคลทั้งสองมีความกลัว จึงได้มอบเงินคนละ ๑๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๐ บาทให้จำเลยกับพวกไป ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๗, ๘๓ และให้จำเลยใช้เงิน ๒๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์ทั้งสอง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๗ วางโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือนและให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๒๐ บาทแก่ผู้เสียหายทั้งสอง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับนายตาได้พากันไปตรวจจับไม้แปรรูปที่ผู้เสียหายทั้งสองมีไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแล้วจำเลยได้เรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายทั้งสองไปคนละ ๑๐ บาท โดยจำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสองว่า ถ้าไม่ให้เงินแก่จำเลยแล้ว จำเลยก็จะส่งตัวผู้เสียหายไปดำเนินคดีต่อไป ผู้เสียหายกลัวจะถูกดำเนินคดีตามคำขู่ของจำเลย จึงยอมให้เงินแก่จำเลย ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๗
พิพากษายืน

Share