แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขอทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 นั้น กฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้น ๆ ไป สำหรับคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องขอทุเลาการบังคับจึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่มีอำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นอย่างอื่นได้ และกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับแล้ว จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์มิได้
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำเลยที่ 1 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ศาลอุทธรณ์สั่งให้จำเลยที่ 1 หาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษา มาให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงอนุญาต มิฉะนั้นยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าการขอทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามมาตรา 231 นั้น กฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้น ๆ ไป กล่าวคือ ถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา จึงจะอยู่ในอำนาจของศาลฎีกา ดังจะเห็นได้ในกรณีที่คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ กฎหมายให้อำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับของศาลอุทธรณ์เองได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 231 วรรคสี่ และในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว คู่ความที่แพ้ยื่นฎีกาและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา เช่นนี้ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะทำคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในกรณีมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งไว้รอคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในคำขอนั้นได้ตามมาตรา 231 ประกอบกับมาตรา 247 จะเห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว คู่ความที่ไม่พอใจจะอุทธรณ์ย่อมไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลฎีกา สำหรับคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์การวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องขอทุเลาการบังคับจึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่มีอำนาจจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นอย่างอื่นได้ และกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับแล้ว จำเลยที่ 1 จะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์มิได้ฎีกาจำเลยที่ 1 จึงเป็นฎีกาต้องห้ามตามกฎหมาย
อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1), 247 จึงพิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 1 คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลยที่ 1