คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยวิ่งหนีเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานแล้วล้มลงผู้เสียหายเข้าจับกุมจำเลย จำเลยจึงใช้มีดของกลางที่ถือติดมืออยู่ยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 คืบ แทงถูกที่บริเวณหน้าท้องของผู้เสียหาย 1 ทีในที่มืดโดยไม่มีโอกาสเลือกแทงเพราะกำลังดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของผู้เสียหาย ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตราย สาหัสเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าสิบตำรวจตรีคำพอง มะโนมัย กับพวกตรวจพบจำเลยกับพวกกำลังเล่นการพนันเบี้ยโบกโดยมิได้รับอนุญาต จึงเข้าทำการจับกุมตามอำนาจหน้าที่ จำเลยไม่ยอมให้จับกุม ได้บังอาจต่อสู้ขัดขวางโดยใช้มีดเป็นอาวุธแทงพยายามฆ่าสิบตำรวจตรีคำพองขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๘๙, ๘๐ และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๘๙, ๘๐ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๙, ๘๐ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒๕ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๙๗, ๒๙๘ (ที่ถูกไม่ต้องปรับบทด้วยมาตรา ๒๙๗ ด้วย) ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๙๘ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๕ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ปัญหาขึ้นสู่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยมีเพียงว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าสิบตำรวจตรีคำพอง มะโนมัยผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้เสียหายมีบาดแผลถูกแทงที่หน้าท้องข้างขวาส่วนล่างยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร และแผลที่ลำไส้ใหญ่ส่วนต้นยาวประมาณ ๒ เซนติเมตรเท่านั้น พิจารณาตำแหน่งของแผลที่ปรากฏอยู่และความยาวของบาดแผล ๒ แห่งนี้แสดงว่าผู้เสียหายถูกแทงจากแผลแรกคือที่หน้าท้องแล้วทะลุไปถูกลำไส้ใหญ่เป็นการแทงครั้งเดียวสมดังคำให้ การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างส่งศาลว่าขณะที่จำเลยวิ่งหนีเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของผู้เสียหาย ในข้อหาฐานเล่นการพนันเบี้ยโบก แล้วจำเลยหกล้มทันใดนั้นผู้เสียหายใช้แขนกด (ล็อก) คอจำเลยไว้ จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมของกลางที่ถือติดมืออยู่แทงถูกผู้เสียหายเพียง ๑ ที ผู้เสียหายปล่อยมือจากการกอดคอจำเลยจำเลยวิ่งหนี ดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยที่กำลังวิ่งหนีให้พ้นจากการจับกุมของผู้เสียหายแล้วล้มลง ผู้เสียหายเข้าจับกุมจำเลยอีกจำเลยจึงแทงผู้เสียหาย ๑ ทีในที่มืดโดยไม่มีโอกาสเลือกแทงเพราะกำลังดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของผู้เสียหายอยู่ด้วย และจำเลยแทงถูกผู้เสียหายเพียงแผลเดียวด้วยมีดของกลางซึ่งยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ ๑ คืบนั้น ข้อเท็จจริงได้ความเพียงเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้างร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา
พิพากษายืน

Share