คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงิน 45,000 บาทจากโจทก์ และให้จำเลยโอนที่ดินพิพาท 2 แปลงให้โจทก์ ไม่มีคำขอบังคับในเรื่องบ้านแต่อย่างใด เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่นาแปลงหนึ่งและเป็นที่ปลูกบ้านอีกแปลงหนึ่ง เฉพาะที่ปลูกบ้านมีบ้านพิพาทปลูกอยู่ การที่ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ พร้อมทั้งบ้านพิพาทซึ่งเป็นส่วนควบด้วย จึงหาเป็นคำพิพากษาที่เกินคำขอไม่
โจทก์ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนไปรับโอนที่ดินพิพาทไม่ต้องทำเป็นหนังสือเพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 มิได้ใช้ บังคับในกรณีที่ตัวการตัวแทนพิพาทระหว่างกันเองตามสัญญาตัวแทน โดยเฉพาะ เพราะตัวการตัวแทนผูกพันตามสัญญาตัวแทนอีกส่วนหนึ่ง ต่างหากจากสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้อาศัยหนี้ตามสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องทำเป็นหนังสือเป็นข้อผูกพันอันเป็นมูลฟ้องแต่ประการใดเลย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับเงิน 45,000 บาทจากโจทก์และโอนที่ดินกับบ้านพิพาทให้โจทก์ทั้งสอง กับห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินและบ้านพิพาทต่อไป หากจำเลยไม่ทำนิติกรรมโอนที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ทั้งสองให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้ยกฟ้องคดีที่จำเลยขับไล่โจทก์ทั้งสองเสีย ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยฎีกาในประการแรกว่า คำฟ้องของโจทก์ทั้งสองขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับเงิน 45,000 บาท จากโจทก์และให้จำเลยโอนที่ดินพิพาท 2 แปลงให้โจทก์ ไม่มีคำขอบังคับในเรื่องบ้านแต่อย่างใดฉะนั้น ที่ศาลล่างมีคำพิพากษาให้จำเลยโอนบ้านให้แก่โจทก์ด้วย จึงเป็นคำพิพากษาที่เกินคำขอ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นที่นาแปลงหนึ่ง และเป็นที่ปลูกบ้านอีกแปลงหนึ่งเฉพาะที่ปลูกบ้านพิพาทปลูกอยู่ บ้านพิพาทย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท ดังนั้นที่ศาลล่างมีคำพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์พร้อมทั้งบ้านซึ่งเป็นส่วนควบด้วย จึงหาเป็นคำพิพากษาที่เกินคำขอไม่” ฯลฯ

“ฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า โจทก์ทั้งสองได้ยืมเงินจำเลยซื้อที่พิพาททั้ง 2 แปลงแล้วมอบให้จำเลยเป็นผู้รับโอนและลงชื่อในทะเบียนที่ดินแทนโจทก์ ทั้งสองไว้เพื่อเป็นหลักประกันเงินยืมรายนี้ ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนไปรับโอนที่ดินพิพาท มิได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 จึงรับฟังตามข้ออ้างของโจทก์ไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 มิได้ใช้บังคับในกรณีที่ตัวการตัวแทนพิพาทระหว่างกันเองตามสัญญาตัวแทนโดยเฉพาะ เพราะตัวการตัวแทนผูกพันตามสัญญาตัวแทนอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้อาศัยหนี้ตามสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องทำเป็นหนังสือเป็นข้อผูกพันอันเป็นมูลฟ้องแต่ประการใดเลย กิจการที่ตัวแทนรับมอบไปทำ จะเป็นอะไร มีแบบอย่างไร หนี้ระหว่างตัวการตัวแทนก็เป็นเช่นเดียวกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงหนี้ตามกิจการระหว่างตัวการกับคนภายนอก กรณีระหว่างตัวการตัวแทนโดยเฉพาะจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 798 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า กรณีเข้าลักษณะเป็นการให้คำมั่นในการซื้อขายที่ดินต่อกันซึ่งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อต่อกันจึงจะฟ้องร้องบังคับได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเรื่องนี้หาเข้าลักษณะเป็นการให้คำมั่นในการซื้อขายที่ดินต่อกันไม่ แต่เป็นเรื่องโจทก์มอบให้จำเลยเป็นผู้รับโอนที่ดินพิพาทและลงชื่อในทะเบียนที่ดินแทนโจทก์ทั้งสองเพื่อเป็นหลักประกันในการที่โจทก์ทั้งสองยืมเงินจากจำเลยไปจำนวน 45,000 บาท ที่ดินพิพาทจึงต้องถือว่าเป็นของโจทก์ทั้งสองอยู่ เมื่อโจทก์ทั้งสองขอชำระเงินยืมจำนวน 45,000 บาทให้จำเลย จำเลยก็ต้องโอนที่ดินพิพาทคืนให้แก่โจทก์ทั้งสองผู้เป็นเจ้าของ”

พิพากษายืน

Share