แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแทน โดยปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแต่ไม่ได้ขีดฆ่า ย่อมถือว่ายังไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตาม ป. รัษฎากร มาตรา 118 จะใช้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ได้.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน 22,950 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 13,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์จำเลยที่ 2 ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงินของจำเลยที่ 1ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันตามฟ้องเป็นลายมือปลอม โจทก์ไม่มีอำนาจมอบให้นายอาทร สตันยสุวรรณดำเนินคดีแทนโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์ไปตามฟ้องโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจริง แต่จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดเฉพาะค่าติดตามทวงถามตามคำขอของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยที่ 1ชำระเงินจำนวน 22,750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 13,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ1,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องว่า หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้นายอาทร สตันยสุวรรณ ฟ้องคดีแทนตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่ได้มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์ ใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ นายอาทร สตันยสุวรรณจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนใคร
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายว่านายอาทร สตันยสุวรรณ มีอำนาจฟ้องคดีนี้แทนโจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเอกสารหมาย จ.1 ทำขึ้นในวันฟ้องคือวันที่ 17 พฤษภาคม 2528 มีใจความว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายอาทร สตันยสุวรรณ เป็นตัวแทนของโจทก์ในกิจการต่าง ๆ รวมทั้งเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวปิดอากรแสตมป์ไว้ 30 บาท แต่ไม่ขีดฆ่า ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.1 ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ในลักษณะแห่งตราสารข้อ 7 (ข) แล้วแต่การที่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้น ย่อมถือว่ายังไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 จะใช้หนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นพยานหลักฐานฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายอาทร สตันยสุวรรณ ฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องขีดฆ่าอากรแสตมป์ในศาลชั้นต้นจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในเรื่องนี้ โดยไม่จำต้องฟังพยานเอกสารหมาย จ.1 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2668/2519 และแม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่หาได้กระทบถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม เนื่องจากใบมอบอำนาจได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วคงมีผลเฉพาะคู่ความ ศาลอุทธรณ์จึงไม่สมควรหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ได้แนบต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจที่ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนมาพร้อมกับคำฟ้อง แต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้ว่า หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จึงเป็นที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่านายอาทร สตันยสุวรรณ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ กรณีเช่นนี้เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาที่ว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ขึ้นมาวินิจฉัยให้โดยถือว่ายังไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จึงชอบแล้ว คำพิพากษาฎีกาที่โจทก์อ้างมีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้…”
พิพากษายืน