แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ประเด็นสำคัญแห่งคดีมีอยู่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงหรือไม่ แล้วจำเลยมาฎีกาว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยได้เคยเอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดจริงหรือไม่ เช่นนี้ เมื่อประเด็นที่จำเลยว่าสำคัญเป็นประเด็นที่จำเลยยกกล่าวอ้างขึ้นมาเองเพื่อจะให้เข้ากับกฎหมายที่ประสงค์จะอ้างอิง และเพื่อที่จะให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ยกขึ้นนั้น ดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นที่ธรณีสงฆ์ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ลักลอบเอาที่ดินของโจทก์ที่จำเลยที่ ๑ เคยเช่าบางส่วนและมิได้เคยเช่าบางส่วนไปขอออกโฉนดเลยที่ ๒๕๔๒ แล้วยกให้จำเลยที่ ๒ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดที่ ๒๕๔๒ เป็นที่ธรณีสงฆ์ทำลายโฉนดดังกล่าว ฯ
จำเลยให้การว่า ที่ดินที่จำเลยที่ ๑ ขอออกโฉนดเป็นโฉนดที่ ๒๕๔๒ เป็นของจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โฉนดเลยที่ ๒๕๔๒ และนิติกรรมที่จำเลยที่ ๑ ยกที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ เป็นโมฆะ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาแล้ว คดีมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาจำเลยมีใจความสำคัญว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ามประเด็นที่เป็นปัญหากฎหมายตามฟ้องอุทธรณ์ข้อ ๒ วินิจฉัยแต่ข้อเท็จจริง และวินิจฉัยคลุม ๆ ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่จำเลยที่ ๑ เช่าทั้งหมด ขัดกับฟ้องและหลักฐานในท้องสำนวน น่าจะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๑(๕), ๑๔๒ วรรคแรก , ๒๔๖ และฎีกาที่ ๒๑๘/๒๔๘๔ ตามฟ้องอุทธรณ์ข้อ ๒ มีประเด็นสำคัญประเด็นเดียวเท่านั้น คือ นายเพี้ยนจำเลยได้เอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดรายพิพาทจริงตามฟ้องของโจทก์หรือไม่ ได้พิเคราะห์ฎีกาจำเลยแล้ว เห็นว่า ประเด็นสำคัญแห่งคดีมีอยู่ว่าที่พิพาทตามแผนที่วิวาทภายในเส้นสีเขียวหรือที่พิพาทตามโฉนดที่ ๒๕๔๒ เป็นของโจทก์จริงหรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่ว่านายเพี้ยนได้เอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดจริงหรือไม่ ประเด็นที่จำเลยว่าสำคัญเป็นประเด็นที่จำเลยยกกล่าวอ้างขึ้นมาเองเพื่อจะให้เข้ากับกฎหมายที่ประสงค์จะอ้างอิงและเพื่อที่จะให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ยกขึ้นนั้น ดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘ พิพากษายกฎีกาจำเลย