แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คลงลายมือชื่อภริยาจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย แม้เป็นเช็คตามบัญชีเงินฝากของจำเลยและภริยาจำเลยมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดตามเช็ค และแม้หนี้เดิมเป็นเงินกู้ โจทก์ก็ไม่มีหลักฐานการกู้เป็นหนังสือบังคับจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นสามีของนางทิพย์วารี บุรีคำ ซึ่งทั้งสองคนได้เปิดบัญชีฝากเงินกระแสรายวันไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาพหลโยธิน โดยจำเลยกับนางทิพย์วารีคนใดคนหนึ่งมีอำนาจเซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินในเช็คของธนาคารดังกล่าว และใช้ชื่อบัญชีว่านายอินทศรและหรือนางทิพย์วารีบัญชีเลขที่ 38 จำเลยมีความประสงค์จะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเงิน 150,000บาท จึงขอให้โจทก์ช่วยหาเงินจำนวนนี้ให้ โดยจำเลยจะเอาเช็คของจำเลยและหรือภริยาจำเลยออกล่วงหน้าให้เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้ แต่เนื่องจากเงินที่จำเลยต้องการเป็นจำนวนมาก โจทก์ให้จำเลยสั่งจ่ายเช็คเป็น 3 ฉบับ ๆ ละ50,000 บาท เพื่อโจทก์จะได้ไปยืมเงินจากบุคคลอื่นหลาย ๆ คนได้ จำเลยจึงสั่งจ่ายเช็คในบัญชีของจำเลย 3 ฉบับ ๆ ละ 50,000 บาท โดยนางทิพย์วารีลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายมอบให้โจทก์ถือฉบับเลขที่ 7250326, 7250328, 7250329ฉบับละ 50,000 บาท ลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2519 โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปติดต่อให้นายสุขุม ตั้งตรงพาณิชย์ ช่วยหาจำนวนเงินนี้ให้ นายสุขุมให้โจทก์สลักหลังเช็คทั้งสามฉบับเพื่อประกัน นายสุขุมนำเงิน 150,000 บาทให้แก่โจทก์ โจทก์นำเงินจำนวนนี้มอบให้จำเลย ซึ่งจำเลยก็ทราบดีว่านายสุขุมเป็นผู้ให้กู้เงินจำนวนนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนด นายสุขุมนำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาพหลยโธิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าบัญชีผู้สั่งจ่ายปิดแล้ว นายสุขุมแจ้งให้โจทก์ทราบและขอให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 150,000 บาท แก่เขา โจทก์แจ้งให้จำเลยและนางทิพย์วารีเพื่อทราบและขอให้ชำระเงินตามเช็คนั้น นางทิพย์วารีหลบหนี ส่วนจำเลยขอผัดชำระ นายสุขุมทวงถามโจทก์หลายครั้ง โจทก์จึงชำระให้นายสุขุมไปและแจ้งให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยไม่ชำระ จึงขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยให้โจทก์หาเงินหรือออกเช็คล่วงหน้า3 ฉบับ ตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยไม่ทราบเรื่องราวและไม่ได้อนุญาตให้นางทิพย์วารีไปก่อหนี้ใด ๆ จำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็ครายพิพาท 3 ฉบับ ที่นางทิพย์วารีภริยาจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งในกรณีนี้ต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยใช้เช็คแทนเงิน เกิดความผูกพันระหว่างกันในลักษณะตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ซึ่งมีผลว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อในเช็คเท่านั้นที่จะต้องรับผิดตามข้อความในเช็ค ดังนั้นแม้โจทก์จะอ้างว่าเช็ครายพิพาททั้ง 3 ฉบับเป็นของจำเลยซึ่ง ขอเปิดบัญชีไว้กับธนาคารและนางทิพย์วารีมีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีได้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดตามฟ้องด้วย เพราะจำเลยมิได้มีลายมือชื่อในเช็ครายพิพาททั้ง 3 ฉบับ หากจะถือว่ามูลหนี้เดิมเป็นหนี้กู้ยืมเงินอันจะถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันโจทก์ก็มิได้มีหลักฐานกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยมาแสดง โจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน