คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาและป้องกันป่าตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ขอร้องตามสัญญาสัมปทานทำไม้ แต่ตามสัญญาดังกล่าวโจทก์หามีหน้าที่ต้องจ่ายค่าที่พักโรงแรม ค่าอาหารในโรงแรมและค่าใช้จ่ายในไนท์คลับแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ปราบปรามและป้องกันรักษาป่าด้วยไม่เพราะการปราบปรามและป้องกันรักษาป่าเป็นงานในหน้าที่โดยตรงของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ไปปฏิบัติอยู่แล้วทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามและป้องกันรักษาป่ายังมีสิทธิที่จะได้รับเบี้ยเลี้ยงและค่าเช่าที่พักจากทางราชการอีกด้วย และทางราชการก็ไม่ได้ขอร้องให้โจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายดังกล่าวแต่อย่างใดจึงถือไม่ได้ว่าค่าที่พักโรงแรม ค่าอาหารในโรงแรม และค่าใช้จ่ายในไนท์คลับดังกล่าวเป็นรายจ่ายที่จะนำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ปลูกสร้างสวนป่า บำรุงป่า ทำไม้ และค้าไม้ โจทก์ได้รับสัมปทานทำไม้หวงห้ามนอกจากไม้สักในท้องที่จังหวัดกระบี่รวม 4 สัมปทานมีกำหนดเวลา 30 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2517 ถึงวันที่3 มกราคม 2547 ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 14 ถึงที่ 58เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบพบว่า โจทก์แสดงรายจ่ายค่าปราบปรามและป้องกันรักษาป่าสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2528 และปีพ.ศ. 2529 ไม่ถูกต้อง โดยเห็นว่าค่าที่พักโรงแรม ค่าอาหารในโรงแรมและค่าใช้จ่ายในไนท์คลับไม่เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายในการปราบปรามและป้องกันรักษาป่าแต่อนุโลมเป็นค่าใช้จ่ายในการรับรอง จำเลยที่ 1จึงตัดรายจ่ายดังกล่าวเป็นค่ารับรองสำหรับปี พ.ศ. 2528 จำนวน371,326 บาท และปี พ.ศ. 2529 จำนวน 648,559 บาท ส่วนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจำเลยที่ 1 ยอมให้ถือเป็นรายจ่ายค่าปราบปรามและป้องกันรักษาป่าได้ เมื่อประเมินภาษีใหม่โดยลดเบี้ยปรับให้โจทก์ร้อยละ50 แล้ว โจทก์จะต้องชำระภาษีเพิ่ม เบี้ยปรับและเงินเพิ่มสำหรับปีพ.ศ. 2528 จำนวน 307,457 บาท ปี พ.ศ. 2529 จำนวน 430,510 บาทโจทก์อุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินชอบแล้ว
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปัญหาคงโต้เถียงกันเฉพาะที่เกี่ยวกับค่าที่พักโรงแรม ค่าอาหารในโรงแรม และค่าใช้จ่ายในไนท์คลับในปีพ.ศ. 2528 จำนวน 371,326 บาท และปี พ.ศ. 2529 จำนวน 648,559 บาทว่าเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายในการปราบปรามและป้องกันรักษาป่าตามสัญญาสัมปทานทำไม้หวงห้ามธรรมดานอกจากไม้สัก ข้อ 20 หรือไม่เห็นว่า แม้โจทก์จะมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษาและป้องกันมิให้มีการลักลอบตัดไม้ แผ้วถางป่า หรือทำการก่นสร้างหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือยึดถือครอบครองป่าหรือทำอันตรายหรือจับสัตว์ป่าโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ขอร้องตามสัญญาสัมปทานทำไม้หวงห้ามธรรมดานอกจากไม้สัก ข้อ 20 แต่โจทก์ก็หามีหน้าที่ต้องจ่ายค่าที่พักโรงแรม ค่าอาหารในโรงแรม และค่าใช้จ่ายในไนท์คลับแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ปราบปรามและป้องกันรักษาป่าตามข้อสัญญาดังกล่าวด้วยไม่ เพราะการปราบปรามและป้องกันรักษาป่าเป็นงานในหน้าที่โดยตรงของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ไปปฏิบัติอยู่แล้ว ทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามและป้องกันรักษาป่ายังมีสิทธิที่จะได้รับเบี้ยเลี้ยงและค่าเช่าที่พักจากทางราชการอีกด้วย ที่โจทก์อุทธรณ์ว่างบประมาณของทางราชการมีเพียงเล็กน้อยไม่พอจ่ายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีเป็นจำนวนมากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าทางราชการได้ขอร้องให้โจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์อ้างหนังสือของกรมป่าไม้ ฉบับลงวันที่ 29 มกราคม 2517 เอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 59 ถึงที่ 61ซึ่งกรมป่าไม้เตือนให้โจทก์ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัมปทานโดยให้เสียสละงบประมาณและกำลังพนักงานตามสมควรในอันที่จะหาทางป้องกันรักษาป่านั้น ก็หาได้มีเรื่องขอร้องให้โจทก์ช่วยออกค่าที่พักโรงแรมค่าอาหารในโรงแรม และค่าใช้จ่ายในไนท์คลับแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามและป้องกันรักษาป่าไม้ทั้งยังได้ความจากคำเบิกความของนายประดิษฐ์ วนาพิทักษ์ ผู้ลงนามในสัญญาสัมปทานทำไม้หวงห้ามธรรมดานอกจากไม้สักและหนังสือกรมป่าไม้เอกสารหมายจ.1 แผ่นที่ 14 ถึงที่ 58 และแผ่นที่ 59 ถึงที่ 61 ในฐานะอธิบดีกรมป่าไม้พยานจำเลยทั้งสี่ว่า การให้ความช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามและป้องกันรักษาป่าตามสัญญาสัมปทานข้อ 20นั้น หมายถึงการให้ความช่วยเหลือในเขตป่าสัมปทานและบริเวณที่ปลูกป่าโดยมีหลักการสำคัญคือการจ้าง ส่วนค่าที่พักและค่าอาหารไม่รวมอยู่ในความหมายของสัญญาข้อนี้ จึงถือไม่ได้ว่าค่าที่พักโรงแรม ค่าอาหารในโรงแรม และค่าใช้จ่ายในไนท์คลับในปี พ.ศ. 2528 จำนวน 371,326 บาทและปี พ.ศ. 2529 จำนวน 648,559 บาท เป็นรายจ่ายในการปราบปรามและป้องกันรักษาป่าตามสัญญาสัมปทานทำไม้หวงห้ามธรรมดานอกจากไม้สักข้อ 20 การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share