แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินโจทก์แล้วต่อมาจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทให้โจทก์หักหนี้เงินกู้กับราคาที่พิพาท และให้ถือว่าเงินที่จำเลยกู้ไปเป็นเงินที่โจทก์จ่ายให้จำเลยเป็นค่าที่ดินล่วงหน้าบางส่วน และโจทก์จะจ่ายเงินค่าที่พิพาทให้จำเลยในวันที่ไปทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันที่อำเภออีก 500 บาทด้วย ดังนี้ เป็นสัญญาจะซื้อจะขายและมีการชำระค่าที่ดินบางส่วนแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่าง 10 ปีมานี้ จำเลยกู้เงินโจทก์หลายครั้งและเอาที่ดินพร้อม ส.ค.1 มอบให้โจทก์ยึดไว้เป็นหลักประกัน
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2506 จำเลยบอกโจทก์ว่าไม่มีทางหาเงินมาชำระส่วนที่ค้างจะขายที่ดินแปลงที่มอบให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกันเพื่อหักหนี้เงินกู้ และจำเลยขอเงินจากโจทก์ไปใช้อีกบ้าง โจทก์ตกลงและจะให้เงินจำเลยอีก 500 บาท วันที่ 16 พฤษภาคม 2506 จำเลยกับโจทก์พากันไปพบนายนภดลเพื่อทำการรังวัดที่ดิน จำเลยได้เอา ส.ค.1 ไปจากโจทก์ส่งให้นายนภดล นายนภดลออกใบรับให้โจทก์ไว้ และบอกโจทก์ว่าจะกำหนดวันทำการรังวัดเมื่อใดจะแจ้งให้ทราบ ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2510 โจทก์ทราบว่าจำเลยไปอ้างว่า ส.ค. 1 ฉบับที่มอบให้นายนภดลไว้หายไป ขอให้เจ้าพนักงานอำเภอออกให้ใหม่ เมื่อได้ ส.ค.1 แล้ว จำเลยจะโอนขายที่ดินแปลงที่ตกลงขายให้โจทก์ให้ผู้อื่นโจทก์จึงยื่นคำร้องอายัดที่ดินไว้ จำเลยได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขอขายที่ดินให้นายหลวงไว้แล้ว ขอให้บังคับให้จำเลยขายที่พิพาทให้โจทก์ในราคา 10,900 บาท ถ้าขายให้ไม่ได้ ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามราคาที่ดินปัจจุบัน เป็นเงิน 18,294 บาท
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์นอกจากสัญญากู้เงินฉบับลงวันที่ 22 เมษายน 2506 (ที่ถูกน่าจะเป็นฉบับวันที่ 26 เมษายน 2506) จำเลยให้โจทก์ทำประโยชน์ในที่ดินต่างดอกเบี้ยจริง แต่จำเลยใช้เงินกู้คืนให้โจทก์แล้ว จำเลยไม่เคยตกลงขายที่ดินและมอบส.ค.1 ให้แก่โจทก์ โจทก์อายัดที่ดินโดยไม่ชอบ ไม่สุจริต โจทก์ให้ขายที่ดินโดยไม่มีหลักฐานการจะขายเป็นหนังสือหรือวางประจำหรือชำระหนี้บางส่วนทั้งฟ้องโจทก์เคลือบคลุมขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง การที่โจทก์อายัดที่ดินไว้ จำเลยไม่ได้ขายที่ดินต้องเสียเบี้ยปรับ 10,000 บาท และขาดประโยชน์อันพึงมีควรได้เดือนละ 200 บาท ขอให้บังคับให้โจทก์ใช้เงินดังกล่าวแก่จำเลย และถอนการอายัดที่ดินรายนี้
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทให้โจทก์จึงไม่มีสิทธินำไปขายให้นายหลวงอีก โจทก์อายัดที่พิพาทเพื่อป้องกันความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดของจำเลย จำเลยไม่เสียหายตามที่อ้างมาในฟ้องแย้ง ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์ในราคา 10,900 บาท โดยให้จำเลยรับเงินไปจากโจทก์อีก 500 บาทถ้าจำเลยไม่สามารถจะโอนขายให้โจทก์ได้ ก็ให้จำเลยใช้เงิน 10,900 บาทแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา แต่สละข้อหาเฉพาะค่าเสียหายในฟ้องแย้ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยตกลงขายนาพิพาทให้แก่โจทก์เพื่อตีใช้หนี้เงินที่จำเลยกู้จากโจทก์ โดยโจทก์จำเลยตกลงกันว่าหนี้เงินกู้จำนวน 10,400 บาท ให้ถือว่าเป็นการจ่ายเงินค่าที่ดินล่วงหน้าส่วนหนึ่ง และโจทก์จะจ่ายเงินค่าที่ดินนาพิพาท ให้จำเลยในวันที่ไปทำหนังสือสัญญาโอนขายนาพิพาทกันที่อำเภออีก 500 บาท กรณีเช่นนี้ฟังได้ว่าสัญญาจะซื้อขายนาพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยมีการชำระหนี้กันบางส่วนเพราะโจทก์จำเลยตกลงกันหักหนี้เงินกู้รับราคาที่ดินนาพิพาท และให้ถือว่าเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์เป็นเงินที่โจทก์จ่ายให้จำเลยเป็นค่าที่ดินล่วงหน้าบางส่วน เพราะจำเลยได้มอบนาพิพาทให้โจทก์เข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของแล้ว ยังรอแต่ให้จำเลยไปทำการโอนให้โจทก์และโจทก์จะต้องให้เงินจำเลยในวันโอนอีก 500 บาทเท่านั้น จำเลยไม่มีสิทธินำนาพิพาทไปขายผู้อื่น โจทก์มีอำนาจฟ้องและมีสิทธิขออายัดนาพิพาทได้ด้วย
พิพากษายืน