คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 5 ตุลาคม 2520 ในวันที่4 ตุลาคม 2520 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่น ขอให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 พฤศจิกายน 2520ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยไปว่าความศาลอื่นตามที่อ้าง ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 5 ตุลาคม 2520 อันเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์อนุญาตให้เลื่อนคดีกำหนดวันนัดใหม่ ให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14พฤศจิกายน 2520 เวลา 8.30 น. อันเป็นวันที่ทนายจำเลยขอให้นัดไว้ แต่ไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยได้ทราบคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันนัดใหม่นั้นแล้ว แม้ทนายจำเลยจะไม่ได้ติดตามสอบถามเพราะหลงลืม และต่อมาจำเลยและทนายจำเลยไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ก็ยังไม่พอจะถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาให้โดยเสน่หาระหว่างจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5กับจำเลยที่ 1 บังคับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 จดทะเบียนการเช่าที่ดิน ฯลฯ

จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ให้การและฟ้องแย้งว่า การเช่าที่ดินตามฟ้องไม่ได้จดทะเบียนฟ้องบังคับคดีไม่ได้ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา เรียกค่าเสียหาย

จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การ

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า การเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีผลบังคับจำเลยไม่มีอำนาจเรียกค่าเสียหาย ฟ้องแย้งขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ ถึงวันนัดโจทก์มาศาล จำเลยไม่มา จึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่

ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้งห้ามมิได้จงใจขาดนัดพิจารณามีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 5 ตุลาคม 2520 เวลา 8.30 นาฬิกา ในวันที่ 4 ตุลาคม 2520 ทนายจำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า ติดว่าความที่ศาลจังหวัดนครราชสีมาโดยเจ้าพนักงานศาลจังหวัดนครราชสีมาส่งหมายนัดมายังทนายจำเลยล่าช้าจึงเกิดนัดซ้อนกันขึ้น ขอให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 พฤศจิกายน2520 ศาลชั้นต้นสั่งว่า สำเนาให้โจทก์ สั่งให้วันนัด ครั้นถึงวันนัด ทนายจำเลยก็เดินทางไปว่าความที่ศาลจังหวัดนครราชสีมาตามที่อ้างในคำร้อง ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 5 ตุลาคม 2520 อนุญาตให้เลื่อนคดีกำหนดวันนัดใหม่ให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 พฤศจิกายน 2520 เวลา 8.30 นาฬิกา อันเป็นวันที่ทนายจำเลยขอให้นัดไว้ก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยได้ทราบคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันนัดใหม่นั้นแล้ว ฉะนั้น แม้ทนายจำเลยจะไม่ได้ติดตามสอบถามเพราะหลงลืม และต่อมาจำเลยและทนายจำเลยไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ก็ยังไม่พอจะถือว่า จำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ศาลอุทธรณ์ พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share