คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่า โจทก์กล่าวคำหมิ่นประมาทผู้พิพากษา ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 5 แต่ปรากฎว่าวันที่ 5 นั้นศาลปิด หยุดราชการ ดังนี้ เมื่อคดีฟังได้ว่าโจทก์ได้กล่าวคำหมิ่นประมาทผู้พิพากษาให้จำเลยฟังจริง แต่เป็นวันอื่นไม่ใช่วันที่ 5 ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างวันผิดไป มิใช่มูลเหตุหรือสาระสำคัญแห่งเนื้อเรี่องที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นเท็จ จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จหรือแจ้งความเท็จ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จต่อศาล ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ให้ถ้อยคำในชั้นสอบสวนและเบิกความต่อศาลตามฟ้องโจทก์จริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ได้กล่าวคำหมิ่นประมาทนายปันโนจริง ส่วนข้อความในเรื่องวันที่ นั้น จำเลยอาจเบิกความผิดพลาดไป ซึ่งไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๑๘, ๑๕๖, ให้จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาท โทษจำให้รอการลงอาญาไว้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์น่าจะได้กล่าวคำหมิ่นประมาทนายปันโน ให้จำเลยฟังที่ศาลจริง แต่ไม่ได้กล่าวในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๘๘ ที่จำเลยไปให้ถ้อยคำว่า โจทก์กล่าวหมิ่นประมาทนายปันโนในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๘๘ จึงอาจเป็นเรื่องความจำของจำเลยไม่แน่นอน หรืออาจเป็นเพราะเหตุอื่น การจำวันผิดของจำเลยไม่มีเจตนาจึง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา ตรวจสำนวนแล้ว ตามคำพยานหลักฐานฟังได้ว่า โจทก์ได้กล่าวคำหมิ่นประมาทนายปันโนจริง แต่ฝ่ายโจทก์พยายามแถลงว่า ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๘๘ นั้น ศาลปิด หยุดราชการ โจทก์จะมากกล่าวคำหมิ่นประมาทในศาลได้อย่างไร แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างวันผิดไป มิใช่มูลเหตุหรือสาระสำคัญแห่งเนื้อเรื่องที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นเท็จ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share