คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้ไม้รวกตีที่ไหล่โจทก์ร่วม 1 ที โจทก์ร่วมวิ่งหนี จำเลยชักปืนสั้นจ้องไปทางโจทก์ร่วมในระยะห่างกันเพียง 2 วา น. ตบมือจำเลยเพื่อไม่ให้ยิงโจทก์ร่วมปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด น.แย่งปืนจากจำเลย จำเลยจึงยิงไปที่โจทก์ร่วมอีก 1 นัด ขณะอยู่ห่างกันประมาณ 3 เมตร กระสุนปืนถูกโคนขาอ่อนโจทก์ร่วมทะลุ ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง จำเลยยิงโจทก์ร่วมในระยะดังกล่าว หากกระสุนปืนถูกอวัยวะสำคัญก็ทำให้ถึงแก่ความตายได้ เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ไม่ใช่เพียงทำร้ายร่างกาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนลูกกรดสั้นขนาด .22 จำนวน 1 กระบอกของผู้มีชื่อซึ่งได้รับอนุญาตไว้ในครอบครองของจำเลย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนางบังอร 2 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่บริเวณขาอ่อนข้างซ้าย 1 นัดทะลุ ได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ริบปืนของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

นางบังอรผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบของกลาง ให้ยกฟ้องโจทก์ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ไม่รับอนุญาต

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยโกรธโจทก์ร่วมซึ่งเป็นภรรยาที่หนีไปจากบ้านถึงกับกล่าวคำอาฆาตว่าจะยิงทิ้งบ้างจะเอาเลือดล้างเท้าบ้าง เมื่อจำเลยบังคับให้โจทก์ร่วมลงชื่อในใบมอบอำนาจ(โอนที่ดิน) แล้ว จำเลยได้ใช้ไม้รวกตีที่ไหล่โจทก์ร่วม 1 ที โจทก์ร่วมวิ่งหนีจำเลยชักปืนสั้นจ้องไปทางโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 2 วา นางนิตย์ตบมือจำเลยเพื่อไม่ให้ยิงโจทก์ร่วม ปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด นางนิตย์แย่งปืนจากจำเลย จำเลยจึงยิงไปที่โจทก์ร่วมอีก 1 นัด ขณะอยู่ห่างกันประมาณ3 เมตร กระสุนปืนถูกโคนขาอ่อนโจทก์ร่วมทะลุ ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง จำเลยยิงโจทก์ร่วมในระยะดังกล่าว หากกระสุนปืนถูกอวัยวะสำคัญ ก็ทำให้ถึงแก่ความตายได้ เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ไม่ใช่เพียงทำร้ายร่างกาย

พิพากษายืน

Share