แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้แบ่งแยกโฉนดโดยอ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน 10 ไร่ 3 งานเศษ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์เพียง 3 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ประเด็นที่โต้เถียงกันมีว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่เท่าใด จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย โจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 192 ร่วมกับจำเลยและนายปุ่น โดยโจทก์มีกรรมสิทธิ์เป็นเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ 3 งานเศษ อยู่ทางทิศตะวันตกส่วนที่เหลือเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยและนายปุ่นซึ่งได้แยกปกครองเป็นส่วนสัดมานานแล้วโจทก์จำเลยและนายปุ่นได้ร่วมกันยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินขอแบ่งแยกแต่แล้วจำเลยไม่ยอมให้เจ้าพนักงานทำการรังวัด ขอให้พิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวให้โจทก์ทางด้านทิศตะวันตกเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ 3 งานเศษ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ต่อสู้ว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยเพียง 3 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา
จำเลยที่ 6 ให้การรับตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินเนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 72 ตารางวาตามแผนที่พิพาทให้โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 192 เพียง 3 ไร่ 3 งาน 72 ตารางวาตามแผนที่พิพาท
ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องขอปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้แบ่งแยกโฉนดโดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่ 10 ไร่ 3 งานเศษ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์เพียง 3 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ประเด็นที่โต้เถียงกันมีว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่เท่าใด จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยโจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์
พิพากษายืน