คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1938/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขอเลื่อนคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ศาลชั้นต้นได้อนุญาต และนัดสืบพยานโจทก์เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งจำเลยทราบ ล่วงหน้าแล้วว่า ในวันนั้นตนจะไม่มีทนายความต่อสู้คดีให้ แต่ก็มิได้ร้องขอเลื่อนคดี เพียงให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอถอนทนายเท่านั้น พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี การที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบและสั่งงดสืบพยานจำเลยพร้อมมีคำพิพากษาในวันเดียวกัน เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน
จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้คดี
วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและ ขาดนัดพิจารณา ส่วนทนายจำเลยที่ ๑ มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายของจำเลยที่ ๑ ซึ่งจำเลยที่ ๑ ลงชื่อรับทราบในคำร้องดังกล่าวแล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาต และสืบพยานโจทก์จนหมดพยานโจทก์โดยให้ งดสืบพยานจำเลยที่ ๑ และมีคำพิพากษาในวันดังกล่าว ต่อมาวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ให้สืบพยานโจทก์และงดสืบพยานจำเลยที่ ๑ ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๒
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุผิดระเบียบจะเพิกถอนกระบวนพิจารณา ทั้งศาลได้พิพากษาคดีนี้แล้ว ข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗ ต้องกระทำก่อนศาลมีคำพิพากษา ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้เพิกถอนการพิจารณาของศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ที่ผิดระเบียบดังกล่าวข้างต้น แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ทนายจำเลยที่ ๑ ขอเลื่อนคดีมาแล้วสองครั้งซึ่งศาลชั้นต้นได้อนุญาตและศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สามวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๒ เวลา ๙ นาฬิกา ซึ่งจำเลยที่ ๑ ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ในวันดังกล่าวคงมีแต่ฝ่ายโจทก์มาศาล ฝ่ายจำเลยที่ ๑ ปรากฏว่า ทนายจำเลยที่ ๑ ได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมาศาล และยื่นคำร้องของทนายจำเลยที่ ๑ ขอถอนตัวจากการเป็นทนายของจำเลยที่ ๑ ซึ่งจำเลยที่ ๑ ลงชื่อทราบเรื่องการถอนตัวของทนายจำเลยที่ ๑ ไว้ในคำร้องดังกล่าวแล้ว อันเป็นการแสดงว่าจำเลยที่ ๑ ทราบล่วงหน้าแล้วว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์ใน วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๒ จำเลยที่ ๑ จะไม่มีทนายความต่อสู้คดีให้ ชอบที่จำเลยที่ ๑ จะต้องแต่งตั้งทนายความคนใหม่เข้ามาดำเนินคดีแทนหรืออย่างน้อยตัวจำเลยที่ ๑ เองก็น่าจะต้องมาศาลเพื่อแถลงขอเลื่อนคดีไปก่อน ทั้งตามคำร้องขอถอนทนายของจำเลยที่ ๑ ก็มิได้ร้องขอเลื่อนคดีมาด้วย กรณีถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ติดใจขอเลื่อนคดี หาใช่ว่าเป็นกรณีที่ถือได้ว่าคำร้องขอถอนทนายดังกล่าวเท่ากับเป็นการขอเลื่อนคดีอยู่ในตัวดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ วินิจฉัยไม่ พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวส่อไปในทางประวิงคดี ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบและถือว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ติดใจสืบพยานโดยสั่งงดสืบพยานจำเลยที่ ๑ พร้อมกับมีคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้น จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณา ที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาในประเด็นอื่นของโจทก์ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ.

Share