แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอระบุพยานพร้อมด้วยยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดพิจารณา 2 วันเข้าไปกว่ากำหนดเวลาตามมาตรา 88 ป.ม.วิ.แพ่ง เพียง 1 วัน โดยอ้างเหตุความจำเป็นที่ต้องไปติดตามคนร้ายยักยอกข้าว ดังนี้ เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ก็มีอำนาจสั่งอนุญาตได้และไม่จำเป็นจะต้องไต่สวนก่อนสั่งอนุญาตเสมอไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลย ผู้ซึ่งเป็นทายาทด้วยกัน จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองทรัพย์มรดกมาฝ่ายเดียว เกิน ๑ ปี คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า สำหรับที่โฉนดที่ ๑๒๙๓ โจทก์ปกครองมาฝ่ายเดียว ส่วนโฉนดที่ ๙๓๔ ถือว่าโจทก์ปกครองร่วมด้วย จึงพิพากษาให้แบ่งที่ดินโฉนดที่ ๙๓๔ ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยปกครองที่ดินมาฝ่ายเดียวทั้ง ๒ โฉนด จึงพิพากษาแก้ว่าที่ดินโฉนดที่ ๙๓๔ ก็เป็นของจำเลยด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยปกครองที่ดินมาฝ่ายเดียวทั้ง ๒ แปลง
ส่วนข้อที่โจทก์คัดค้านว่า จำเลยยื่นระบุพยานฝ่าฝืนกฎหมายนั้น ปรากฎว่าจำเลยยื่นคำร้องขอระบุพยานพร้อมด้วยยื่นบัญชีระบุพยาน ก่อนวันนัดพิจารณา ๒ วัน ช้าไปกว่ากำหนดเวลาตามมาตรา ๘๘ เพียง ๑ วัน โดยอ้างเหตุความจำเป็นที่ต้องไปติดตามคนร้ายยักยอกข้าว ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานได้ ก็คงเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและความจำเป็นตามที่กฎหมายบัญญติไว้ และไม่จำเป็นจะต้องไต่สวนก่อนสั่งอนุญาตเสมอไป ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้แล้ว
จึงพร้อมกันพิพากษายืน