แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นสัสตีจังหวัดเป็นกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ จึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายและความคิดเห็นของจำเลยซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งนี้มีผลใช้บังคับได้เมื่อจำเลยเรียกเอาสินบลเป็นประโยชน์แม้จำเลยมิทันกระทำหรือละเว้นไม่กระทำอย่างใด ๆ ในหน้าที่ก็เป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการและเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งเป็นสัสดีจังหวัดสุราษฏร์ธานีมีหน้าที่ตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการจำเลยบังอาจใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต เรียกเงินจากนายวันโน นายสุนีย์ นายลำดวน นายมะอูน นายสิน ซึ่งเป็นทหารกองเกินคนละ ๕๐๐ บาทไว้เป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยอันมิควรจะได้ถามกฎหมาย เพื่อที่จำเลยจะช่วยให้คุณมิให้ผู้ที่ออกนามมาแล้วต้องถูกคัดเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ขอให้การลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยปฏิเสธ
ศาลมณฑลทหารบกที่ ๕ พิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบลตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๘ วรรคท้าย ให้จำคุกจำเลย ๖ ปี แต่จำเลยยังมิทันลงมือช่วยเหลือ ให้ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลทหารกลางพิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณา จำเลยเป็นเพียงกรรมการคนหนึ่งในคณะกรรมการตรวจคัดเลือก และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ช่วยเหลือให้ผู้เสียหายหลุดพ้นจากการถูกเป็นทหารอย่างใด จำเลยจึงไม่ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๗๙ ซึ่งใช้อยู่ในขณะเกิดคดีนี้ มาตรา ๒+ บัญญัติว่าให้มีคณะกรรมการตรวจเลือกประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ รวมทั้งสัสดีจังหวัดหรือผู้แทนด้วย เมื่อปรากฎว่าจำเลยเป็นสัสดีจังหวัดและได้ทำหน้าที่กรรมการตรวจเลือกด้วยตนเองจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพราะความคิดเห็นใด ๆ ของกรรมการแต่ละคนย่อมเป็นผลใช้บังคับได้ เมื่อจำเลยเรียกเอาสินบลเป็นประโยชน์แม้ถึงว่าอย่างน้อยมิทันกระทำหรือละเว้นไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในหน้าที่ก็เป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว พิพากษายืน