แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นจีนต่างด้าวโดยกำเนิดและถูกสั่งเนรเทศออกไปจากราชอาณาจักรจนตลอดชีวิต แล้วภายหลังได้หลบหนีเข้ามาและอ้างตนว่าเป็นคนไทย จนได้เข้ารับราชการทหาร ดังนี้ คดีก็คงอยู่ในอำนาจศาลพลเรือนที่จะพิจารณาพิพากษากรณีหลบหนีการเนรเทศของจำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าวอันไม่พึงปรารถนาได้ถูกสั่งให้เนรเทศออกไปจากราชอาณาจักรตลอดชีวิต แล้วกลับหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ชั้นแรกจำเลยปฏิเสธและว่าได้เข้ามาโดยเสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบ แล้วกลับรับว่าได้หลบหนีการเนรเทศเข้ามาจริง แต่ต่อสู้ว่า เกิดในประเทศไทยเป็นบุตรคนไทย มีเชื้อชาติและสัญชาติเป็นไทย ทั้งได้ยื่นคำร้องต่อสัสดีอำเภอขึ้นทะเบียนเป็นทหาร และได้รับราชการทหารเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ ปรากฎว่าเจ้าพนักงานตำรวจไปทำการสืบสวนจับกุมจำเลยได้ที่ กรม ป.ต.อ.
ศาลชั้นต้นฟังตามจำเลยนำสืบ เชื่อว่าจำเลยเป็นคนไทย ไม่ใช่จีนต่างด้าว เห็นว่าไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเป็นคนต่างด้าวอันไม่พึงปรารถนา พิพากษากลับจำคุกจำเลย ๓ เดือน ตาม พ.ร.บเนรเทศ ร.ศ. ๑๓๑ มาตรา ๗
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยเป็นจีนต่างด้าวโดยกำเนิดเกิดในประเทศจีน เพิ่งจะกลับใจอ้างว่าเป็นคนไทยเมื่อภายหลังที่ได้หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว
พิพากษายืน.