แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่จะลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคง ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัย และศาลชั้นต้นได้อาศัยพยานหลักฐานดังกล่าวในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่ได้อาศัยคำรับสารภาพของจำเลยแต่ประการใดเลย คำรับสารภาพของจำเลยในกรณีเช่นนี้จึงไม่ถือว่า เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษอันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๗ ทวิ, ๒๘๘, ๙๑, ๙๒, ๙๓ เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายบทหนัก
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง คำรับสารภาพของจำเลยจึงไม่สมควรจะยกขึ้นมาเป็นเหตุลดโทษ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคแรก มาตรา ๒๗๗ ทวิ (๒) มาตรา ๒๘๘ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๗๖ วรรคแรก มาตรา ๒๗๗ ทวิ (๒) อันเป็นบทหนักที่สุด ให้ประหารชีวิตที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษตามมาตรา ๙๒, ๙๓ นั้น ศาลลงโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยอีก
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคง ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณี แน่นหนามั่นคงพอให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัย และศาลชั้นต้นได้อาศัยพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่ได้อาศัยคำรับสารภาพของจำเลยแต่ประการใดเลย คำรับสารภาพของจำเลยในกรณีเช่นนี้จึงไม่ถือว่า เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาแต่อย่างใด จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
พิพากษายืน