คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างเรือนอยู่อาศัย แต่ผู้เช่าไม่อยู่อาศัยเอง อันเป็นการผิดสัญญาต่อผู้ให้เช่านั้น การเช่านี้ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่บริวารของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไปด้วย โดยอ้างว่าจำเลยได้เช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัย แล้วให้บุคคลอื่นอยู่อาศัยในที่ดิน จำเลยไปอยู่ที่อื่น โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่รื้อถอนออกไป
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ได้ทราบดีอยู่แล้วในขณะที่เช่าว่าจำเลยได้ตกลงเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อให้หลานของจำเลยพร้อมด้วยครอบครัวอยู่อาศัย จึงเห็นว่าเป็นการเช่าเคหะ ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัย แล้วจำเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่บุคคลในครอบครัวอาศัยในที่ดิน และจำเลยไปอยู่ที่อื่นอันเป็นการผิดสัญญาเช่า จำเลยให้การว่าได้เช่าที่ดินของโจทก์ใช้เป็นที่ปลูกเรือนอยู่อาศัยของจำเลยกับหลาน ๆ และครอบครัว เห็นว่าจำเลยให้การไว้แจ้งชัดว่าจำเลยได้เช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัยของจำเลยเอง ส่วนหลาน ๆ และครอบครัวที่จำเลยยกขึ้นกล่าวนั้นย่อมมีฐานะเป็นเพียงบริวารซึ่งอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์ การที่จำเลยนำสืบพยานว่าจำเลยเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อให้คนอื่นอยู่ ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังมานั้นจึงเป็นการสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้ ตามฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยคงมีประเด็นพึงวินิจฉัยเป็นข้อสำคัญว่าจำเลยไปอยู่ที่อื่นหรือว่ายังคงอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์ที่เช่าจากโจทก์อันจะได้รับความคุ้มครอบตามกฎหมาย เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าที่ดินพิพาทเพื่ออยู่อาศัยเอง แต่จำเลยไม่อยู่อาศัย การเช่ารายนี้จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ขับไล่บริวารของจำเลยออกไปจากที่ดินพิพาท และให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไปด้วย

Share