แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของโจทก์ซึ่งรับโอนมาจากมารดา ส่วนจำเลยให้การต่อสู้คดีว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของ บ. ย่าของโจทก์ ซึ่งต่อมายกที่ดินดังกล่าวให้แก่ ล. ภริยาจำเลยซึ่งเป็นหลาน จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของภริยา คดีนี้จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์และเมื่อหนังสือสัญญาให้ตีราคาที่ดินพิพาททั้งแปลงเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 47 ตารางวา มีราคาเพียง 20,000 บาท ดังนั้น ค่าเช่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 88 ตารางวา ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่จะมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท เมื่อคดีนี้เป็นกรณีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท จึงเป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้าน เสารั้ว พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน โจทก์และจำเลยตกลงให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดินส่วนพิพาทและจัดทำแผนที่ไว้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. เลขที่ 925 ตำบลนาตงวัฒนา อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินออกไป ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินพิพาทอีก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของภริยาจำเลยนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. เลขที่ 925 ตำบลนาตงวัฒนา อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ของโจทก์ ซึ่งรับโอนมาจากมารดาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2541 ส่วนจำเลยให้การต่อสู้คดีว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของนางบิ้ง คตจำปา ย่าของโจทก์ ต่อมานางบิ้งยกที่ดินดังกล่าวให้แก่นางเลียง บุญเชิญ ภริยาจำเลยซึ่งเป็นหลานจำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของภริยา มีการปลูกต้นไม้ผลและทำรั้วปลูกบ้านอยู่อาศัยจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ดังนี้ จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์ และเมื่อพิเคราะห์หนังสือสัญญาให้ตามเอกสารหมาย จ.3 ที่ตีราคาที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก. เลขที่ 925 ของโจทก์ทั้งแปลงเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 47 ตารางวา มีราคาเพียง 20,000 บาท จึงน่าเชื่อได้ว่า ค่าเช่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 88 ตารางวา ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่จะมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาทอย่างแน่นอน เมื่อคดีนี้เป็นกรณีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาทอันต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือภริยาจำเลยให้จึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 และยกอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาแก่จำเลย