คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1850/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามคำให้การจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขายที่พิพาทให้จึงไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือตาม มาตรา1381,1375 ได้ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยโต้แย้งแย่งหรือรบกวนการครอบครองของโจทก์ด้วยการไม่ยอมให้ไถ่ที่พิพาทคืนจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การและไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยแล้ว พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นับแต่วันที่โจทก์ขอไถ่ที่ดินคืนจากจำเลยและจำเลยไม่ยอมให้ไถ่จนถึงบัดนี้เป็นระยะเวลานานถึง 2 ปี แสดงว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเกิน 1 ปี นับแต่ถูกแย่งหรือรบกวนการครอบครองที่พิพาท โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องร้อง พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์มอบให้จำเลยทำประโยชน์ต่างดอกเบี้ย การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทจึงถือได้ว่า จำเลยครอบครองโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ แม้จำเลยจะครอบครองอยู่นานเท่าใด จำเลยก็ไม่อาจจะยกเอามาตรา 1375แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นอ้างอิงได้ นอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 เสียก่อน ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขายที่พิพาทให้ จึงไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือตามมาตรา 1381 มาตรา 1375 ดังกล่าวได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยโต้แย้งแย่งหรือรบกวนการครอบครองของโจทก์ด้วยการไม่ยอมให้โจทก์ไถ่ที่พิพาทคืนนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การ และไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแห่งประชาชนศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ทั้งสองฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ทั้งสองตามฟ้อง โดยให้โจทก์ชำระหนี้เงินกู้จำนวน 1,500 บาทให้แก่จำเลยด้วย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ทั้งสองโดยกำหนดค่าทนายความให้รวม 2,000 บาท”

Share